Tuesday, January 21, 2014

บทที่ 5: 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งวิทยาลัยกลางหุบเขา ตอน: รอยยิ้มคือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพ

กาลครั้งหนึ่งนานามาแล้ว ความรักและมิตรภาพได้มาพบกัน
ความรัก: ทำไมเธอถึงเกิดขึ้นในเมื่อโลกนี้มีฉันแล้ว
มิตรภาพ: เพื่อทำให้ทุกคนได้ยิ้มอีกครั้ง เมื่อคุณทำให้คนเสียน้ำตาไงละ
Anonymous

     


     เมื่อฤดูฝนผ่านพ้นไปแล้ว ลมหนาวแห่งเหมันตฤดูก็พัดผ่านเข้ามา สุพรรณิการ์ชูช่อเหลืองอร่ามเบ่งบานเต็มต้นอยู่ริมถนนหน้าหอชายหนึ่ง  เสียงลมหนาวพัดหวู่หวิวอยู่ในอากาศ สายหมอกลอยต่ำลงระเรื่อยเมื่อถูกขับไล่จากแสงตะวันดวงโตที่กำลังโผล่พ้นภูเขา

   ตะวันตื่นเต้นดีใจที่ได้สัมผัสลมหนาวและไอหมอกอีกครั้ง มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษสุดสำหรับเด็กหนุ่มผู้หลงไหลกลิ่นกระดาษและหมึกพิมพ์ มีเรื่องราวแห่งความทรงจำเกิดขึ้นมากมายในฤดูแห่งรักเมื่อกระหวัดถึงทีไรหัวใจก็พองโตก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจขึ้นมาเสมอ แน่ละ...ภาพแห่งวันแรกพบหญิงสาวนัยน์ตาเล็กหยิบหยีในเช้าฤดูหนาวแห่งปี ๒๕๔๗ ยังฉายชัดอยู่ในลิ้นชักความทรงจำมิจางหาย
ความห่างไกล ทำให้รู้จักความหมายของคำว่าคิดถึง
ตะวันเผลอยิ้มออกมาทุกครั้งเมื่อนึกถึงประโยคนั้นที่เขาเคยอ่านพบในหนังสือเล่มโปรด อีเมล์ที่โต้ตอบระหว่างเขาและคนห่างไกลถูกเปิดอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเด็กหนุ่มแทบจดจำทุกถ้อยคำและทุกเรื่องราวที่เล่าสู่กันฟัง ในอีเมล์ล่าสุดที่ตะวันได้รับจากเด็กสาวมีหนังสือเล่มหนึ่งที่คนไกลแนะนำให้อ่าน เธอเรียกมันว่า สุดยอดวรรณกรรมแห่งปี หนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า เจ้าชายน้อย
     เจ้าชายน้อย เป็นวรรณกรรมเยาวชนฝรั่งเศสประพันธ์โดย อ็อง ตวน เดอ แซ้งต์-เอซูว์เปรี เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าชายน้อยผู้ออกเดินทางค้นหาถึงคุณค่าของมนุษย์

เจ้าชายน้อยได้พบกับผู้คนในดวงดาวต่างๆ 6  ดวงด้วยกันก่อนที่จะมายังดาวโลกซึ่งเป็นดาวดวงที่เจ็ดได้พบคนประเภทต่างๆ ซึ่งต่างก็หมกมุ่นอยู่กับงานหรือความคิดของตนเองโดยที่ไม่รู้แน่ชัดว่าสิ่งที่ตนเองต้องการนั้นคืออะไร ที่ดาวโลกนี้เองเจ้าชายน้อยได้พบกับสุนัขจิ้งจอกในทะเลทรายเขาจึงตระหนักว่าแท้จริงแล้วชีวิตต้องการความรักและความรักก็เป็นเรื่องของหัวใจ เป็นเรื่องของความรู้สึกรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนรักนั่นเอง

เมื่ออ่านอีเมล์นั้นจบ ตะวันเกิดความพลุ่งพล่านในใจ อยากหาหนังสือเรื่องเจ้าชายน้อยมาอ่านเร็วไวเพื่อจะได้แลกเปลี่ยนความประทับใจระหว่างเขากับเธอ...

     ทุกๆ ปีในเดือนธันวาคม ทางวิทยาลัยจะจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งปีขึ้นที่ตึกไอที โดยใช้พื้นที่ชั้น 1 และชั้น 2 ในการออกบูธหนังสือ มีนักศึกษาเข้าร่วมงานมากมาย ต่างมาเลือกหาหนังสือที่ตัวเองสนใจ บางคนซื้อเป็นจำนวนมากจนต้องให้เพื่อนช่วยหยิบถือ บางคนเพียงมาเตร็ดเตร่รอเวลาเข้าคลาส และบางคนเดินมาสอดส่องหาคนรักแล้วก็จากไป ตะวันและผองเพื่อนไม่พลาดที่จะเข้าร่วมงานนี้ ต่างคนต่างมีหนังสือในใจที่อยากซื้อหา ระหว่างที่เดินเลือกหนังสือกันอยู่นั้น บิ๊กก็หยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาให้เพื่อนๆ ดู หนังสือเล่มนั้นพูดถึงมิตรภาพกับรอยยิ้มโดยผู้เขียนแสดงทัศนะว่าเมื่อเราเริ่มต้นยิ้มให้ใครแล้ว คนที่เรายิ้มให้ก็พร้อมจะยิ้มตอบกลับมา แต่โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์สร้างกลไกในการป้องกันตัวเองด้วยความกลัวและนั่นก็ทำให้เราถอยห่างจากคนอื่นมากขึ้น บิ๊กเอ่ยว่าเมื่อวานเขาลองทักทายทุกคนทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักระหว่างเดินกลับหอพัก ปรากฏว่าทุกคนที่เขาเซย์ไฮ ด้วยนั้นล้วนส่งยิ้มและทักทายกลับมาด้วยความเป็นมิตร บิ๊กตบท้ายด้วยความเห็นว่าความเป็นมิตรของทุกๆ คนคือหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของวิทยาลัยแห่งนี้เลยทีเดียว ทุกคนต่างยิ้มชื่นใจเมื่อได้ฟังเรื่องเล่านั้น แล้วผลัดกันหยิบหนังสือเล่มดังกล่าวขึ้นมาพลิกอ่านดูด้วยความสนใจ


     เช้าวันหนึ่งของวันอาทิตย์ที่หนาวเหน็บ ตะวันและผองเพื่อนขับมอเตอร์ไซด์ออกไปทานโจ๊กที่ตลาดมวกเหล็กเหมือนทุกฤดูหนาวที่ผ่านมา ระหว่างทางนั้นก็ได้พบกับ ต้น เด็กหนุ่มแห่งคณะศาสนศาสตร์* ที่ยืนคร่อมอานมอเตอร์ไซด์อยู่หน้าหมู่บ้านออสเตรเลียเหมือนรอคอยใครสักคน ทุกคนต่างรู้จักต้นดีว่าเป็นหนึ่งในสมาชิก แก๊งหมู่บ้านออสเตรเลีย ซึ่งมีอยู่ด้วยกันเกือบสิบคนและพักอาศัยอยู่ในบ้านเช่าหลังใหญ่ในหมู่บ้านจัดสรรที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวิทยาลัยมากนัก ทั้งหมดเอ่ยทักทายและสอบถามต้นว่าจะไปไหน เด็กหนุ่มผิวขาว ตัวเล็กเผยยิ้มเล็กน้อยพร้อมส่งสายตามายังจ๋อมที่ซ้อนท้ายตะวันอยู่ แล้วเอ่ยตอบว่าจะไปหาอะไรทานที่ตลาด พอตะวันและผองเพื่อนได้ยินเช่นนั้นต่างเอ่ยชวนให้ต้นเดินทางไปด้วยกัน เมื่อตะวันแอบมองผ่านกระจกรถมอเตอร์ไซด์ ก็สังเกตเห็นคนซ้อนท้ายมีใบหน้าแดงระเรื่อ เขาได้แต่อมยิ้มก่อนรีบบึ่งรถตามหลังเพื่อนไป
     ระหว่างทานโจ๊กกันอยู่นั้น ตะวันสังเกตเห็นว่าต้นสนใจจ๋อมเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นสายตาและถ้อยประโยคที่เอ่ยแซวเด็กสาวจอมแก่นอยู่บ่อยครั้ง ตะวันแอบยิ้มและสัมผัสถึงความรู้สึกบางอย่างคล้ายก่อเกิดขึ้นในใจของเพื่อนรัก เขาคิดไปเรื่อยเปื่อยและนึกถึงเรื่องมหัศจรรย์แห่งรอยยิ้มกับเรื่องเล่าของจ๋อมเมื่อหลายวันก่อน
ตะวัน...นายยังจำได้ตอนที่พวกเราพากันยิ้มทักกับทุกๆ คนที่เดินผ่านเมื่อเดือนก่อนได้หรือเปล่า
เด็กสาวผู้รักสายลมและแสงแดดเอ่ยถามในค่ำคืนหนึ่งผ่านโทรศัพท์พ่วงสายระหว่างห้อง ตะวันนึกถึงตอนที่เขาและเพื่อนๆ ทำตามหนังสือที่บิ๊กหยิบให้ดูในงานสัปดาห์หนังสือแห่งปีเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยการส่งยิ้มทักทายทุกคนที่เดินผ่านระหว่างเดินกลับหอพัก
 “จำได้...แล้วไง
มันมีไอ้บ้าคนหนึ่งเว้ย โทรมาจีบเรา
พอตะวันได้ยินเช่นนั้นก็ปล่อยพรืดหัวเราะออกมาแล้วเอ่ยแซวเด็กสาวขึ้นว่า
ใครเป็นผู้โชคร้ายคนนั้นวะ
ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะ...มันไม่ขำนะเว้ย เด็กสาวทำเสียงกระฟัดกระเฟียดเข้าใส่ทำทีไม่พอใจกับมุขตลกร้ายของเพื่อนสนิท
โอๆ ทำเป็นโมโห...โอเคๆ ไม่แซวก็ได้ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับตอนนั้นว่ะ ตะวันรีบตัดบทแล้วรุกถามต่อ
เกี่ยวซิ...ก็พอเรายิ้มให้ไอ้บ้าคนนั้นมันก็คิดไปไกล ทึกทักหาว่าเราสนใจมันแล้วก็โทรมาจีบเรา ทำเป็นพูดว่าอยากเป็นเพื่อน ฮิโถ่...ยังกับเราไม่รู้แกว
พอเสียงปลายทางนั้นเล่าจบ เด็กหนุ่มต้นสายก็หัวเราะร่วน จน ยัยจ๋อม ไม่พอใจขู่จะวางสายโทรศัพท์ ตัดพ้อต่อว่าเพื่อนรักที่คิดเป็นเรื่องขี้เล็บ จนตะวันต้องกลบเกลื่อนเอ่ยบอกว่าแซวเล่น เด็กสาวถึงยอมคุยต่อ
เอานา...เราไม่คิดอะไรกับเขาก็ไม่จำเป็นต้องคิดมาก มีคนรักดีกว่ามีคนเกลียดนะ เห็นอานุภาพแห่งรอยยิ้มหรือยังล่ะ ว่ามันยิ่งใหญ่แค่ไหน ทำให้โลกสดใส ทำให้ใจเบิกบานและทำให้ทุกอย่างรอบตัวเราแจ่มใสไปด้วย

      ตะวันจำได้ว่าหลังจากวันนั้น เขาสังเกตเห็นจ๋อมดูสดใสมากขึ้น และดูผิดแผกแปลกตาไปกว่าแต่ก่อน เด็กสาวนัยน์ตาเล็กหยิบหยีมักหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูบ่อยครั้ง แล้วอมยิ้มเมื่อได้อ่านข้อความที่ส่งผ่านมาทางโทรศัพท์ บางครั้งเจ้าหล่อนก็แอบยิ้มอยู่ลำพังตรงศาลาทรงไทยบ้าง ใต้ต้นไม้ริมสระน้ำบ้าง หรือกระทั่งมุมใดมุมหนึ่งของห้องสมุด อย่างไม่มีสาเหตุราวกับคนบ้าที่เสียสติ และสเตตัส Hi5 ของจ๋อมก็เต็มไปด้วยเรื่องราวความรักหรือวลีเด็ดรักน้ำเน่าจนคนอ่านแทบสำรอกด้วยความหวานของถ้อยประโยค โดยเฉพาะเจ้าบิ๊กและแม็กที่มักตอบกลับสเตตัสเหล่านั้นด้วยความหมั่นไส้ หลายครั้งที่ตะวันเอ่ยแซวถึงพฤติกรรมของเพื่อนรักที่เปลี่ยนไป ‘ยัยจ๋อม’ ก็มักบ่ายเบี่ยงและปฏิเสธถึงความลับในใจทุกที
เมื่อทานโจ๊กอิ่มแล้ว ตะวันและเพื่อนๆ ก็เดินไปซื้อของที่ตลาดนัดวันอาทิตย์ มีสินค้ามากมายหลากหลายมาวางขายในวันนั้น และมีนักศึกษาร่วมสถาบันมาเดินจับจ่ายซื้อสินค้ากันหลายคน เมื่อเดินสวนกัน ต่างคนต่างเอ่ยทักทายและส่งยิ้มด้วยความเป็นมิตร แม้นจดจำชื่อกันไม่ได้ แต่พอเห็นหน้าคร่าตากันแล้ว ก็แทบไม่ต้องรอให้คนใดคนหนึ่งเอ่ยทักก่อนเลยแม้แต่นิด มิตรภาพทำให้ทุกคนยิ้มได้อย่างแท้จริง


     เมื่อเปลวแดดยามสายเปล่งรัศมีแรงขึ้น กลุ่มของตะวันรีบบึ่งมอเตอร์ไซต์กลับวิทยาลัยทันทีพร้อมแวะส่งต้นที่หมู่บ้านออสเตรเลีย เมื่อมาถึงวิทยาลัยแล้ว ต่างคนต่างแยกกลับเข้าหอพัก ตะวันไปส่งจ๋อมที่หอหญิงหนึ่ง และก่อนเพื่อนรักเดินจากไป ตะวันเอ่ยแซวว่า
นัดกันไว้ก็ไม่บอก...”
จ๋อมทำหน้างุนงงแล้วถามว่า
นัดใคร, อะไร, ที่ไหน”
ตะวันหัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า
ไม่นัดกันแล้ว จะเห็นต้นยืนคร่อมมอ’ไซด์รออยู่หน้าหมู่บ้านเมื่อเช้านี้หรือ”
เพียงเท่านั้นเอง เด็กสาวก็หน้าแดงเป็นลูกตำลึงขึ้นมาทันทีแล้วเอ่ยว่า
บ้า.....” จากนั้นก็รีบสาวเท้าเข้าหอพักไปโดยไม่หันกลับมามองเพื่อนรักที่แอบหัวเราะคิกคักอยู่บนรถมอเตอร์ไซด์อีกเลย และในเย็นวันนั้นตะวันสังเกตเห็นสเตตัส Hi5 ของจ๋อมเขียนว่า...

กาลครั้งหนึ่งนานามาแล้ว ความรักและมิตรภาพได้มาพบกัน
ความรัก: ทำไมเธอถึงเกิดขึ้นในเมื่อโลกนี้มีฉันแล้ว

มิตรภาพ: เพื่อทำให้ทุกคนได้ยิ้มอีกครั้ง เมื่อคุณทำให้คนเสียน้ำตาไงละ
-------------------------------------------------------

*ศาสนศาตร์ คือการศึกษาเกี่ยวกับศาสนา (คริสต์) อย่างมีระบบและมีเหตุผลหรือเป็นการศึกษาเพื่อกำหนดหลักความเชื่อของคริสตชนอย่างมีระบบและมีเหตุผล
-----------------------------------------------------------------------------
ได้รับแรงบันดาลใจจาก Chan Blog
"คนที่นี่เป็นมิตรดีมาก เราสามารถ Say Hi ได้กับคนทุกคนทั้งรู้จักและไม่รู้จัก, 90% จะตอบ Hi กลับมาด้วยความเป็นมิตร"


อ่านบทอื่นๆ 

บทที่ 5: 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งวิทยาลัยกลางหุบเขา ตอน: มิตรภาพมิใช่สัตว์ประหลาด: http://lovestoryoftawan.blogspot.com/2013/12/5-7.html