กาลครั้งหนึ่งนานามาแล้ว
ความรักและมิตรภาพได้มาพบกัน
ความรัก:
ทำไมเธอถึงเกิดขึ้นในเมื่อโลกนี้มีฉันแล้ว
มิตรภาพ: เพื่อทำให้ทุกคนได้ยิ้มอีกครั้ง
เมื่อคุณทำให้คนเสียน้ำตาไงละ
Anonymous
เมื่อฤดูฝนผ่านพ้นไปแล้ว ลมหนาวแห่งเหมันตฤดูก็พัดผ่านเข้ามา
สุพรรณิการ์ชูช่อเหลืองอร่ามเบ่งบานเต็มต้นอยู่ริมถนนหน้าหอชายหนึ่ง เสียงลมหนาวพัดหวู่หวิวอยู่ในอากาศ
สายหมอกลอยต่ำลงระเรื่อยเมื่อถูกขับไล่จากแสงตะวันดวงโตที่กำลังโผล่พ้นภูเขา
ตะวันตื่นเต้นดีใจที่ได้สัมผัสลมหนาวและไอหมอกอีกครั้ง
มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษสุดสำหรับเด็กหนุ่มผู้หลงไหลกลิ่นกระดาษและหมึกพิมพ์ มีเรื่องราวแห่งความทรงจำเกิดขึ้นมากมายในฤดูแห่งรักเมื่อกระหวัดถึงทีไรหัวใจก็พองโตก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจขึ้นมาเสมอ
แน่ละ...ภาพแห่งวันแรกพบหญิงสาวนัยน์ตาเล็กหยิบหยีในเช้าฤดูหนาวแห่งปี ๒๕๔๗ ยังฉายชัดอยู่ในลิ้นชักความทรงจำมิจางหาย
ความห่างไกล
ทำให้รู้จักความหมายของคำว่าคิดถึง
ตะวันเผลอยิ้มออกมาทุกครั้งเมื่อนึกถึงประโยคนั้นที่เขาเคยอ่านพบในหนังสือเล่มโปรด
อีเมล์ที่โต้ตอบระหว่างเขาและคนห่างไกลถูกเปิดอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเด็กหนุ่มแทบจดจำทุกถ้อยคำและทุกเรื่องราวที่เล่าสู่กันฟัง
ในอีเมล์ล่าสุดที่ตะวันได้รับจากเด็กสาวมีหนังสือเล่มหนึ่งที่คนไกลแนะนำให้อ่าน
เธอเรียกมันว่า ‘สุดยอดวรรณกรรมแห่งปี’ หนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า เจ้าชายน้อย
เจ้าชายน้อย เป็นวรรณกรรมเยาวชนฝรั่งเศสประพันธ์โดย
อ็อง ตวน เดอ แซ้งต์-เอซูว์เปรี
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าชายน้อยผู้ออกเดินทางค้นหาถึงคุณค่าของมนุษย์
เจ้าชายน้อยได้พบกับผู้คนในดวงดาวต่างๆ 6 ดวงด้วยกันก่อนที่จะมายังดาวโลกซึ่งเป็นดาวดวงที่เจ็ดได้พบคนประเภทต่างๆ
ซึ่งต่างก็หมกมุ่นอยู่กับงานหรือความคิดของตนเองโดยที่ไม่รู้แน่ชัดว่าสิ่งที่ตนเองต้องการนั้นคืออะไร
ที่ดาวโลกนี้เองเจ้าชายน้อยได้พบกับสุนัขจิ้งจอกในทะเลทรายเขาจึงตระหนักว่าแท้จริงแล้วชีวิตต้องการความรักและความรักก็เป็นเรื่องของหัวใจ
เป็นเรื่องของความรู้สึกรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนรักนั่นเอง
เมื่ออ่านอีเมล์นั้นจบ ตะวันเกิดความพลุ่งพล่านในใจ
อยากหาหนังสือเรื่องเจ้าชายน้อยมาอ่านเร็วไวเพื่อจะได้แลกเปลี่ยนความประทับใจระหว่างเขากับเธอ...
ทุกๆ
ปีในเดือนธันวาคม ทางวิทยาลัยจะจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งปีขึ้นที่ตึกไอที โดยใช้พื้นที่ชั้น
1 และชั้น 2 ในการออกบูธหนังสือ มีนักศึกษาเข้าร่วมงานมากมาย
ต่างมาเลือกหาหนังสือที่ตัวเองสนใจ บางคนซื้อเป็นจำนวนมากจนต้องให้เพื่อนช่วยหยิบถือ
บางคนเพียงมาเตร็ดเตร่รอเวลาเข้าคลาส และบางคนเดินมาสอดส่องหาคนรักแล้วก็จากไป ตะวันและผองเพื่อนไม่พลาดที่จะเข้าร่วมงานนี้
ต่างคนต่างมีหนังสือในใจที่อยากซื้อหา ระหว่างที่เดินเลือกหนังสือกันอยู่นั้น
บิ๊กก็หยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาให้เพื่อนๆ ดู หนังสือเล่มนั้นพูดถึงมิตรภาพกับรอยยิ้มโดยผู้เขียนแสดงทัศนะว่าเมื่อเราเริ่มต้นยิ้มให้ใครแล้ว
คนที่เรายิ้มให้ก็พร้อมจะยิ้มตอบกลับมา
แต่โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์สร้างกลไกในการป้องกันตัวเองด้วยความกลัวและนั่นก็ทำให้เราถอยห่างจากคนอื่นมากขึ้น
บิ๊กเอ่ยว่าเมื่อวานเขาลองทักทายทุกคนทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักระหว่างเดินกลับหอพัก
ปรากฏว่าทุกคนที่เขาเซย์ไฮ ด้วยนั้นล้วนส่งยิ้มและทักทายกลับมาด้วยความเป็นมิตร
บิ๊กตบท้ายด้วยความเห็นว่าความเป็นมิตรของทุกๆ คนคือหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของวิทยาลัยแห่งนี้เลยทีเดียว
ทุกคนต่างยิ้มชื่นใจเมื่อได้ฟังเรื่องเล่านั้น แล้วผลัดกันหยิบหนังสือเล่มดังกล่าวขึ้นมาพลิกอ่านดูด้วยความสนใจ
เช้าวันหนึ่งของวันอาทิตย์ที่หนาวเหน็บ
ตะวันและผองเพื่อนขับมอเตอร์ไซด์ออกไปทานโจ๊กที่ตลาดมวกเหล็กเหมือนทุกฤดูหนาวที่ผ่านมา
ระหว่างทางนั้นก็ได้พบกับ ‘ต้น’ เด็กหนุ่มแห่งคณะศาสนศาสตร์* ที่ยืนคร่อมอานมอเตอร์ไซด์อยู่หน้าหมู่บ้านออสเตรเลียเหมือนรอคอยใครสักคน
ทุกคนต่างรู้จักต้นดีว่าเป็นหนึ่งในสมาชิก ‘แก๊งหมู่บ้านออสเตรเลีย’ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันเกือบสิบคนและพักอาศัยอยู่ในบ้านเช่าหลังใหญ่ในหมู่บ้านจัดสรรที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวิทยาลัยมากนัก
ทั้งหมดเอ่ยทักทายและสอบถามต้นว่าจะไปไหน เด็กหนุ่มผิวขาว ตัวเล็กเผยยิ้มเล็กน้อยพร้อมส่งสายตามายังจ๋อมที่ซ้อนท้ายตะวันอยู่
แล้วเอ่ยตอบว่าจะไปหาอะไรทานที่ตลาด พอตะวันและผองเพื่อนได้ยินเช่นนั้นต่างเอ่ยชวนให้ต้นเดินทางไปด้วยกัน เมื่อตะวันแอบมองผ่านกระจกรถมอเตอร์ไซด์
ก็สังเกตเห็นคนซ้อนท้ายมีใบหน้าแดงระเรื่อ
เขาได้แต่อมยิ้มก่อนรีบบึ่งรถตามหลังเพื่อนไป
ระหว่างทานโจ๊กกันอยู่นั้น
ตะวันสังเกตเห็นว่าต้นสนใจจ๋อมเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นสายตาและถ้อยประโยคที่เอ่ยแซวเด็กสาวจอมแก่นอยู่บ่อยครั้ง
ตะวันแอบยิ้มและสัมผัสถึงความรู้สึกบางอย่างคล้ายก่อเกิดขึ้นในใจของเพื่อนรัก เขาคิดไปเรื่อยเปื่อยและนึกถึงเรื่องมหัศจรรย์แห่งรอยยิ้มกับเรื่องเล่าของจ๋อมเมื่อหลายวันก่อน
“ตะวัน...นายยังจำได้ตอนที่พวกเราพากันยิ้มทักกับทุกๆ คนที่เดินผ่านเมื่อเดือนก่อนได้หรือเปล่า”
เด็กสาวผู้รักสายลมและแสงแดดเอ่ยถามในค่ำคืนหนึ่งผ่านโทรศัพท์พ่วงสายระหว่างห้อง
ตะวันนึกถึงตอนที่เขาและเพื่อนๆ ทำตามหนังสือที่บิ๊กหยิบให้ดูในงานสัปดาห์หนังสือแห่งปีเมื่อเดือนที่ผ่านมา
โดยการส่งยิ้มทักทายทุกคนที่เดินผ่านระหว่างเดินกลับหอพัก
“จำได้...แล้วไง”
“มันมีไอ้บ้าคนหนึ่งเว้ย โทรมาจีบเรา”
พอตะวันได้ยินเช่นนั้นก็ปล่อยพรืดหัวเราะออกมาแล้วเอ่ยแซวเด็กสาวขึ้นว่า
“ใครเป็นผู้โชคร้ายคนนั้นวะ”
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะ...มันไม่ขำนะเว้ย”
เด็กสาวทำเสียงกระฟัดกระเฟียดเข้าใส่ทำทีไม่พอใจกับมุขตลกร้ายของเพื่อนสนิท
“โอๆ ทำเป็นโมโห...โอเคๆ ไม่แซวก็ได้ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับตอนนั้นว่ะ” ตะวันรีบตัดบทแล้วรุกถามต่อ
“เกี่ยวซิ...ก็พอเรายิ้มให้ไอ้บ้าคนนั้นมันก็คิดไปไกล ทึกทักหาว่าเราสนใจมันแล้วก็โทรมาจีบเรา
ทำเป็นพูดว่าอยากเป็นเพื่อน ฮิโถ่...ยังกับเราไม่รู้แกว”
พอเสียงปลายทางนั้นเล่าจบ เด็กหนุ่มต้นสายก็หัวเราะร่วน จน
‘ยัยจ๋อม’ ไม่พอใจขู่จะวางสายโทรศัพท์
ตัดพ้อต่อว่าเพื่อนรักที่คิดเป็นเรื่องขี้เล็บ
จนตะวันต้องกลบเกลื่อนเอ่ยบอกว่าแซวเล่น เด็กสาวถึงยอมคุยต่อ
“เอานา...เราไม่คิดอะไรกับเขาก็ไม่จำเป็นต้องคิดมาก
มีคนรักดีกว่ามีคนเกลียดนะ เห็นอานุภาพแห่งรอยยิ้มหรือยังล่ะ ว่ามันยิ่งใหญ่แค่ไหน
ทำให้โลกสดใส ทำให้ใจเบิกบานและทำให้ทุกอย่างรอบตัวเราแจ่มใสไปด้วย”
ตะวันจำได้ว่าหลังจากวันนั้น
เขาสังเกตเห็นจ๋อมดูสดใสมากขึ้น
และดูผิดแผกแปลกตาไปกว่าแต่ก่อน
เด็กสาวนัยน์ตาเล็กหยิบหยีมักหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูบ่อยครั้ง
แล้วอมยิ้มเมื่อได้อ่านข้อความที่ส่งผ่านมาทางโทรศัพท์
บางครั้งเจ้าหล่อนก็แอบยิ้มอยู่ลำพังตรงศาลาทรงไทยบ้าง
ใต้ต้นไม้ริมสระน้ำบ้าง
หรือกระทั่งมุมใดมุมหนึ่งของห้องสมุด
อย่างไม่มีสาเหตุราวกับคนบ้าที่เสียสติ
และสเตตัส Hi5
ของจ๋อมก็เต็มไปด้วยเรื่องราวความรักหรือวลีเด็ดรักน้ำเน่าจนคนอ่านแทบสำรอกด้วยความหวานของถ้อยประโยค
โดยเฉพาะเจ้าบิ๊กและแม็กที่มักตอบกลับสเตตัสเหล่านั้นด้วยความหมั่นไส้
หลายครั้งที่ตะวันเอ่ยแซวถึงพฤติกรรมของเพื่อนรักที่เปลี่ยนไป
‘ยัยจ๋อม’
ก็มักบ่ายเบี่ยงและปฏิเสธถึงความลับในใจทุกที
เมื่อทานโจ๊กอิ่มแล้ว
ตะวันและเพื่อนๆ
ก็เดินไปซื้อของที่ตลาดนัดวันอาทิตย์
มีสินค้ามากมายหลากหลายมาวางขายในวันนั้น
และมีนักศึกษาร่วมสถาบันมาเดินจับจ่ายซื้อสินค้ากันหลายคน
เมื่อเดินสวนกัน
ต่างคนต่างเอ่ยทักทายและส่งยิ้มด้วยความเป็นมิตร
แม้นจดจำชื่อกันไม่ได้
แต่พอเห็นหน้าคร่าตากันแล้ว
ก็แทบไม่ต้องรอให้คนใดคนหนึ่งเอ่ยทักก่อนเลยแม้แต่นิด
มิตรภาพทำให้ทุกคนยิ้มได้อย่างแท้จริง
เมื่อเปลวแดดยามสายเปล่งรัศมีแรงขึ้น
กลุ่มของตะวันรีบบึ่งมอเตอร์ไซต์กลับวิทยาลัยทันทีพร้อมแวะส่งต้นที่หมู่บ้านออสเตรเลีย
เมื่อมาถึงวิทยาลัยแล้ว
ต่างคนต่างแยกกลับเข้าหอพัก
ตะวันไปส่งจ๋อมที่หอหญิงหนึ่ง
และก่อนเพื่อนรักเดินจากไป
ตะวันเอ่ยแซวว่า
“นัดกันไว้ก็ไม่บอก...”
จ๋อมทำหน้างุนงงแล้วถามว่า
“นัดใคร,
อะไร, ที่ไหน”
ตะวันหัวเราะเบาๆ
ก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“ไม่นัดกันแล้ว
จะเห็นต้นยืนคร่อมมอ’ไซด์รออยู่หน้าหมู่บ้านเมื่อเช้านี้หรือ”
เพียงเท่านั้นเอง
เด็กสาวก็หน้าแดงเป็นลูกตำลึงขึ้นมาทันทีแล้วเอ่ยว่า
“บ้า.....”
จากนั้นก็รีบสาวเท้าเข้าหอพักไปโดยไม่หันกลับมามองเพื่อนรักที่แอบหัวเราะคิกคักอยู่บนรถมอเตอร์ไซด์อีกเลย
และในเย็นวันนั้นตะวันสังเกตเห็นสเตตัส
Hi5
ของจ๋อมเขียนว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานามาแล้ว
ความรักและมิตรภาพได้มาพบกัน
ความรัก:
ทำไมเธอถึงเกิดขึ้นในเมื่อโลกนี้มีฉันแล้ว
มิตรภาพ: เพื่อทำให้ทุกคนได้ยิ้มอีกครั้ง
เมื่อคุณทำให้คนเสียน้ำตาไงละ
-------------------------------------------------------
*ศาสนศาตร์ คือการศึกษาเกี่ยวกับศาสนา (คริสต์) อย่างมีระบบและมีเหตุผลหรือเป็นการศึกษาเพื่อกำหนดหลักความเชื่อของคริสตชนอย่างมีระบบและมีเหตุผล
-----------------------------------------------------------------------------
ได้รับแรงบันดาลใจจาก Chan Blog
"คนที่นี่เป็นมิตรดีมาก เราสามารถ Say Hi ได้กับคนทุกคนทั้งรู้จักและไม่รู้จัก, 90% จะตอบ Hi กลับมาด้วยความเป็นมิตร"
-----------------------------------------------------------------------------
ได้รับแรงบันดาลใจจาก Chan Blog
"คนที่นี่เป็นมิตรดีมาก เราสามารถ Say Hi ได้กับคนทุกคนทั้งรู้จักและไม่รู้จัก, 90% จะตอบ Hi กลับมาด้วยความเป็นมิตร"
อ่านบทอื่นๆ