Thursday, January 20, 2011

วัยฝัน วันวาน และรักของเรา บทที่ 1



–บทที่ 1
ตอน: ความทรงจำของตะวัน

The past is strapped to our backs.
We do not have to see it;
We can always feel it.


Mignon McLaughlin

     แสงสีทองโรยรายทาบทาขอบฟ้าทิศตะวันตกบางพลิ้ว หมู่เมฆลอยฟ่องขาวโพลนระเรี่ยขุนเขาเทาทึบ เหล่านกน้อยบินสู่รังผ่านดวงตะวันสีหมากสุกแลเห็นไหวๆ ลมหนาวโชยชายผ่านมา สัมผัสถึงกลิ่นหอมของละไอหมอกที่เริ่มก่อตัวเมื่อแสงแห่งวันใกล้ลาลับฟ้า บนเนินเขาเตี้ยๆ ที่ทอดออกไปไม่ไกลจากสายตา เป็นที่ตั้งของตึกใหญ่ ยอดตึกลาดเอียงเป็นรูปสามเหลี่ยมฉาบด้วยสีฟ้าใส ประดับสัญลักษณ์รูปกากบาทเป็นประกายแจ่มจ้าด้วยรัศมีแห่งตะวันยามอัสดง รอบบริเวณ แห่งนั้นงดงามไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ทั้งจามจุรี พญาเสือโคร่ง สุพรรณิการ์ และราชพฤกษ์ อีกทั้งสองข้างทางขึ้นลงแบบขั้นบันไดที่เชื่อมต่อตัวตึกกับถนนลาดยางแอสฟัลด์ด้านล่างก็งดงามไปด้วยดอกเฟื่องฟ้าชมพูเรื่อที่ไล่เรียงลดหลั่นกันลงมาเป็นทิวแถว 
 

     เด็กหนุ่มสูงโปร่งทอดสายตาไปยังโบสถ์ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเบื้องหน้า ไกลพ้นออกไปคือภูเขาเทาทึมภายใต้แสงสีส้มใกล้ขอบฟ้า หนุ่มคมเข้มคนนั้นยืนพาดแขนบนราวระเบียงชั้นบนสุดของหอพักนักศึกษาชายหนึ่งแห่งวิทยาลัยนานาชาติที่ซ่อนซุกอยู่ในอ้อมอกของขุนเขา ณ เมืองเล็กๆ แห่งที่ราบภาคกลางตอนล่างติดเขตแดนอีสานอันรายล้อมไปด้วยฟาร์มโคนมและไร่องุ่นชอุ่มเขียว หลายเดือนแล้วสินะ ที่เด็กหนุ่มคนนี้ตัดสินใจมาเรียนที่นี่ เพียงขับมอเตอร์ไซด์ผ่านมาเมื่อปลายฤดูหนาวของปีก่อน เขาก็หลงเสน่ห์ของวิทยาลัยกลางหุบเขาแห่งนี้เสียหมดสิ้น มันดูสงบเงียบและสวยงามราวสาวน้อยวัยแรกรุ่นที่สดใสในทุกมุมมอง อีกทั้งบรรยากาศของเมืองก็แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ละม้ายคล้ายคลึงกับภาคหนือตอนบนของประเทศจนรู้สึกประหนึ่งได้มายืนอยู่บนยอดดอยอินทนนท์แล้วกอดอกอุ่นสัมผัสอากาศหนาวเย็นบาดเยือก สูดอากาศเข้าปอดเต็มอึดเต็มก้อนแล้วเฝ้ามองสายหมอกหนาหนักที่ลอยกรุ่นกร่นอ้อยอิ่งอยู่ตามหุบเขาเทาครึ้ม อา...เด็กหนุ่มให้รู้สึกชุ่มชื่นหัวใจยิ่งนักทุกครั้งที่ได้สัมผัสบรรยากาศเช่นนั้น



     เขากวาดสายตาไปโดยรอบอีกครั้ง ตึกวิทยาศาสตร์สีขาวเข้มตั้งเด่นอยู่ตรงหัวถนนฝั่งตรงข้ามเนินเขาลูกเล็ก บริเวณใกล้กันนั้นเป็นตึกแอดมินฯ ของคณะมนุษยศาสตร์ ถัดไปคือตึกไอทีซึ่งทอดยาวคู่ขนานไปกับตึกวิทยาศาสตร์ ศูนย์กลางการเรียนรู้ของวิทยาลัยเพราะภายในนั้นเป็นที่ตั้งของห้องสมุดและคอมพิวเตอร์แล็บซึ่งมักคราคร่ำไปด้วยนักศึกษาที่มาทำการบ้านและอ่านหนังสือกันที่นี่ ไกลออกไปอีกนิดเป็นศาลาทรงไทยฉลุเชิงชายโดยรอบสวยงามโดดเด่นอยู่ระหว่างมุมท้ายสุดของตึกไอทีและโรงอาหารที่ตั้งแยกออกมาเป็นเอกเทศ และตรงกลางของตึกและอาคารทั้งหลายนั้นก็คือหอประชุมขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละสัปดาห์



     ตะวันลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว ลมหนาวพัดพรูผ่านผิวแผ่วโผย หมอกขาวบางกรุ่นโรยสายรายรอบ ความมืดเริ่มคลี่ปีกโอบกอดทั่วบริเวณ สป็อตไลท์ในสนามฟุตบอลฝั่งตรงข้ามหอชายหนึ่งสว่างวาบสาดลำแสงลงสู่กลางสนามจนแลเห็นนักศึกษาชายหลายคนวิ่งวุ่นไล่เตะฟุตบอลกันเต็มลาน บนลู่วิ่งรอบสนามปรากฏเด็กสาวและชายหนุ่มเดินกันเป็นกลุ่มๆ บ้างแลเป็นคู่ๆ บ้างสลับคละกลืนกันไป เมื่อเหนื่อยจากการเดินและเล่นกีฬาต่างพากันมานั่งพักตรงอัฒจรรย์ติดตึกสโมสรนักศึกษาและภายในตัวตึกแห่งนั้นนอกจากเป็นศูนย์ทำการของคณะกรรมการนักศึกษาแล้วยังเป็นห้องฟิตเนสและร้านขายอาหารตามสั่ง (ที่มีไม่กี่เมนู) ของนักศึกษาคณะบริหารอีกด้วย

     แสงไฟจากโคมข้างถนนที่ทอดยาวผ่านหอชายหนึ่งสว่างนวลแลเห็นควันขาวกรุ่นกร่น ไล่เรียงไปตามถนนสายนั้นก็จะเป็นหอหญิงสอง ถัดจากหอหญิงสองก็เป็นหอหญิงหนึ่งและไกลพ้นออกไปติดป่าละเมาะบนสุดนั้นก็คือหอชายสองนั่นเอง เสียงดังเฮฮาแจ่มจ้าลอยมาจากสนามบาสเก็ตบอลฝั่งตรงข้ามหอหญิงทั้งสองตึก เหล่าเด็กหนุ่มและเด็กสาวต่างเล่นสนุกกันเริงร่าท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บแห่งปี ๒๕๔๗ หนุ่มร่างสูงทอดมองภาพเหล่านั้นอย่างชุ่มชื่นอุรา มหาวิทยาลัยในเมืองหลวงที่เขารู้จักและคุ้นเคยมาแต่เยาว์วัยช่างแตกต่างจากสถาบันกลางหุบเขาแห่งนี้เหลือเกิน นับจากวันที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐฯไม่ได้ เขาก็ตะลอนท่องเที่ยวไปทั่วประเทศเป็นแรมปี จวบจนฤดูหนาวปลายปีก่อน เขากับเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกันได้ขับมอเตอร์ไซด์จากเมืองหลวงมาเที่ยวทุ่งทานตะวันในดินแดนแห่งนี้และนั่นก็เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตการศึกษาของเขาซึ่งทำให้เด็กหนุ่มผู้รักความอิสระเสรีได้มาศึกษาเล่าเรียนในสถาบันที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้มแห่งมิตรภาพจากผู้คนหลากหลายเชื้อชาติมากกว่าสามสิบประเทศและได้ดึ่มด่ำธรรมชาติอย่างเต็มชื่นเต็มอกเสียที เพียงแค่นั้นก็ทำให้เขา นายตะวัน หลงไหลจนไม่อยากจากไปยังดินแดนแห่งไหนอีกแล้ว



กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง...”

 เสียงอ็อดประจำหอพักกริ่งกร่างระรัวขึ้น เป็นสัญญาณบอกเวลานมัสการภาคค่ำของวันจันทร์ วิทยาลัยแห่งนี้เป็นสถาบันอุดมศึกษานานาชาติของคริสจักรเซเว่นเดย์แอ๊ดเวนติสท์ในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมุ่งเน้นคุณธรรมและจริยธรรมอันเป็นพื้นฐานสำคัญเพื่อให้เกิดดุลยภาพของวิถีชีวิต นักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากรของสถาบันจึงได้รับการอบรมปลูกฝังในเรื่องการสร้างจิตสำนึกต่อตนเอง ครอบครัว และสังคมผ่านกิจกรรมต่างๆ ในวิทยาลัยอยู่เสมอ นมัสการวันจันทร์ จึงมิใช่แค่เพียงการประชุมเพื่อชี้แจงกฏระเบียบและเรื่องสำคัญทั่วไปแก่นักศึกษาเท่านั้น แต่เป็นการพัฒนาเสริมสร้างให้เด็กหนุ่มเด็กสาวเหล่านี้ซึ่งมีความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม ได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขภายใต้หลักคุณธรรมและจริยธรรมนำใจ 

 

    สปอร์ตไลท์ในสนามฟุตบอลและสนามบาสเก็ตบอลปิดพรึ่บลงทันทีภายหลังเสียงอ็อดกังวานขึ้นอีกหน นักศึกษาต่างทยอยเดินกลับหอพักของตัวเองอย่างอ้อยสร้อย ตะวันเดินเข้าไปในห้องเพื่อเตรียมตัวไปนมัสการที่หอประชุมประจำวิทยาลัย นมัสการวันจันทร์ ถูกจัดที่หอประชุมฯ ในสัปดาห์แรกของทุกเดือน จากนั้นจะแยกกิจกรรมนี้ไปตามหอพักของแต่ละหอ พอถึงคืนค่ำของวันศุกร์ หอประชุมฯก็จะคราคร่ำไปด้วยนักศึกษา คณาจารย์ และพนักงานของวิทยาลัยที่เข้าร่วมรายการ ‘Vesper’ หรือการนมัสการของค่ำคืน ‘วันสะบาโต’ อีกครั้ง เพื่อเป็นการเตรียมตัวเตรียมใจของเหล่าคริสศาสนิกชนก่อนการไปโบสถ์ในเช้าวันรุ่งขึ้น เหล่านี่คือกิจกรรมที่ตะวันไม่เคยพานพบมาก่อน คือความรู้สึกแปลกใหม่และน่าค้นหายิ่งนัก

บิ๊ก อาบน้ำเร้วๆ เข้า อย่าให้ข้ารอนานดิ”

ตะวันรีบเร่งคนที่กำลังเมามันกับการแร็พเพลงกวนๆ ของสามหนุ่มมาดเท่ห์แห่งวงไททาเนี่ยมอยู่ในห้องน้ำผ่านลำเสียงลึกใหญ่ราวเสียงเบสของกีตาร์ คนที่อยู่ภายในนั้นยังคงโอ้เอ้อึดอาดไม่เร่งรีบทำภารกิจแต่อย่างใด

เออ เออ จะรีบอาบแล้ว ระหว่างรอก็ฟังข้าแร็พไปพลางๆ ก่อนแล้วกัน”

ด้วยความหมั่นใส้ ตะวันเลยสวนกลับทันควัน

ขอบใจว่ะ แต่ช่วยหยุดแร็พแล้วรีบวิ่งผ่านน้ำเร็วๆ เข้าซะ ข้าไม่มีเวลามาฟังเองบ่นงึมๆ งำๆ อยู่ในนั้นหรอกนะเว้ย”

พูดจบก็มีเสียงฮาครืนใหญ่ตามมาทันที ก่อนเสียงน้ำจากฝักบัวจะดังซู่ขึ้นแทนที่

บิ๊ก’ เป็นรูมเมทของตะวัน เด็กหนุ่มหุ่นตุ๊ต๊ะ ร่ำรวยอารมณ์ขันคนนี้คลั่งไคล้วงไททาเนียมและสไตล์การแต่งตัวแบบฮิพฮอพจนขึ้นสมอง เขาเคยข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนไกลถึงออสเตรเลียสมัยเป็นนักเรียนผมเกรียน ภายหลังเรียนจบไฮสกูลก็แบกน้ำหนักราวแปดสิบกิโลฯ กลับแผ่นดินข้าวเหนียวสร้างความงวยงงสงกาแก่พ่อแม่และญาติพี่น้องว่า ‘ตัวมัน’ ไปเรียนหรือไปกินหมีโคอาล่ากันแน่ กลับมาถึงได้อ้วนพีเป็นไหต่อม่อเช่นนั้น

หอประชุมประจำวิทยาลัยเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ด้านหน้าเป็นเวทียกพื้นสูง สปอร์ตไลท์หลากสีติดไว้ใกล้เพดานขนานเป็นทางไปกับเวที และชั้นสองติดทางเดินเข้า-ออก เป็นห้องควบคุมระบบแสง สี เสียง เมื่อมองจากชั้นนั้นลงมา จะเห็นนักศึกษานั่งเรียงตามเก้าอี้ซึ่งจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเต็มความจุของพื้นที่ อวลไอแอร์เย็นฉ่ำไปทั้งห้อง สป็อตไลท์ฉาดฉายลงมาตรงเวที เผยกลุ่มนักร้องชาย-หญิงสี่ซ้าห้าคนกำลังขับเสียงเพลงพระเจ้าอยู่หลังไมค์ด้วยเนื้อร้องภาษาอังกฤษ น้ำเสียงนั้นไพเราะจับใจไม่น้อย

In moments like these,

I sing out a song.
I sing out a love song to Jesus

ตะวันและบิ๊กนั่งอยู่ตรงแถวหลังสุดใกล้กับเพื่อนในกลุ่มอีกสามคน คือ โป้ง แม็กและจ๋อม เด็กสาวคนเดียวที่หลงเข้ามาในกลุ่มนี้ ผู้มีตาเล็กหยิบหยีและเออออห่อหมกไปเสียทุกเรื่อง โป้งเป็นเด็กหนุ่มหุ่นเพรียวบาง ผิวขาวสะอาดแต่ไม่กระตุ้งกระติ้งผิดธรรมชาติของความเป็นชาย ส่วนแม็กนั้นเป็นคนตัวสูง ผิวคล้ำ ร่างกายกำยำอย่างนักกีฬาว่ายน้ำ ทั้งห้าร่วมหัวจมท้ายอยู่ในคณะที่เรียกขานกันทั่วไปว่า มนุษย์อิ้ง

ขอให้เพื่อนนักศึกษาทุกคนยืนขึ้นเพื่อร้องเพลงเปิดพร้อมกันครับ” ตัวแทนนักร้องคนหนึ่งกรอกเสียงลงไปในไมโครโฟน นักศึกษาต่างลุกขึ้นพร้อมกัน จากนั้นเสียงเปียโนก็บรรเลงตามมาด้วยท่วงทำนองที่คุ้นเคย...

วันเวลาที่เปลี่ยนไป พระองค์ไม่เปลี่ยนแปลง

มีความรักและเมตตาอยู่เสมอ

ตัวเราอาจจะหวั่นไหว พระองค์ยังเหมือนเดิม

เป็นพระเจ้าของเราอยู่เรื่อยไป

พระองค์ทรงสมควร...



     เมื่อเสียงเพลงจบลง เด็กหนุ่มคนเดิมก็โยกขาไมค์ฯเข้าใกล้ตัวเพื่อกล่าวคำอธิษฐานเปิด นักศึกษาประสานมือไว้ตรงต้นขา ก้มหน้าลงเล็กน้อย หลับตา แล้วเงียบเสียงลง เมื่อสิ้นสุดคำอธิษฐาน ลงท้ายด้วยอาเมนฯ นักศึกษาต่างก็นั่งลงตรงเก้าอี้ของตัวเอง ส่วนกลุ่มนักร้องก็เดินลงมาจากเวที สักพักก็มีชายหนุ่มสองคนก้าวเท้าขึ้นไปยืนอยู่หลังโพเดียมที่มีไมโครโฟนสองตัวติดไว้อยู่ คนหนึ่งหุ่นตุ๊ต๊ะ อีกคนผอมกะหร่องลมแทบพัดปลิว หนุ่มอ้วนกล่าวขึ้นด้วยภาษาอังกฤษเร็วปรื๋อ ส่วนหนุ่มผอมทำหน้าที่เป็นล่ามถอดข้อความของภาษาต้นทางเป็นภาษาปลายทางชัดถ้อยชัดคำ 

 

สวัสดีเพื่อนๆ นักศึกษาทุกคน ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสจากพ่อบ้านให้นำนมัสการในค่ำคืนนี้”

รู้สึกดีใจที่เห็นรอยยิ้มแจ่มจ้าของพวกเราและขอขอบคุณคณะนักร้องที่ขับกล่อมเสียงเพลงอันไพเราะเพราะพริ้งจนข้าพเจ้าไม่อยากให้รีบลงไปจากเวทีเลย ให้ตายเหอะ” มีเสียงหัวเราะแทรกขึ้นมาระหว่างนี้

ภายหลังรับประทานอาหารมือเย็นกันไปแล้ว ตอนนี้ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะได้รับอาหารฝ่ายจิตวิญญาณกันบ้าง...

ทั้งหอประชุมเงียบสงบ ทุกคนนั่งนิ่งฟังหนุ่มพ่วงพีฝีปากดีคนนั้นพูดราวถูกมนต์สะกด

นักปราชญ์ในอดีตกล่าวว่ามนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ นักเคมีวิทยากล่าวไว้ว่า ถ้าเอาร่างกายของมนุษย์มาแยกธาตุต่างๆ ออก และตีค่าด้วยเคมีแล้ว จะมีค่าแค่ 20 บาทเท่านั้น แต่นักวิทยาศาสต์กลุ่มหนึ่งกลับเชื่อว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเซลล์และวิวัฒนาการเรื่อยมาจนกลายเป็นมนุษย์สายพันธ์โฮโม เซเปียนส์ อย่างในปัจจุบัน....”

     ในค่ำคืนนั้นตะวันและผองเพื่อนรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในห้องแล็บของภาควิชาชีววิทยาที่มีอาจารย์ผมยาวเคราครึ้มพานั่งยานไทม์แมชชีนของโดราเอมอนข้ามผ่านมิติเวลาสู่โลกดึกดำบรรพ์เมื่อหลายล้านปีก่อนแล้วยานลำเดียวกันนั้นก็ทะลุทะลวงผ่านเส้นบิดงอของ อวกาศเวลา สู่ยุคการสร้างจักรวาลและพาไปพบกับมนุษย์ชาย-หญิงคู่แรกตามหลักความเชื่อของคริสต์ศาสนา ก่อนที่บทสรุปจะลงเอยที่ความรักของพระเยซูคริสต์เจ้าผู้ยอมวายชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปให้กับมวลมนุษย์ทุกคน

     ตะวันรู้สึกชื่นชมหนุ่มอ้วนกลมคนนั้นเสียมิได้ ลีลาการพูดของเขาตรึงทุกคนในหอประชุมให้นิ่งฟังได้ราวกับเขาเป็น เจย์ เลโน เจ้าพ่อรายการทอล์คโชว์ชาวอเมริกัน เขาก้าวลงจากเวทีพร้อมหนุ่มผอมกล้องแกล้งแต่คล่องแคล่วปราดเปรียว มีเสียงปรบมือเกรียวกราวดังขึ้น จากนั้นพ่อบ้านผอมสูง มีเรียวหนวดหร็อมแหร็มรอบริมฝีปากหน้าตาผิวพรรณออกไปทางแถบแถวกาฬทวีปพร้อมคู่หูหนุ่มวัยฉกรรจ์ก้าวขึ้นไปครองแท่นโพเดียมแทน แล้วประกาศสำคัญต่างๆ ก็ถูกยกขึ้นมาชี้แจงตามด้วยกฏระเบียบหยิบย่อยหลายสิบข้อ การประชุมยึดยาวออกไปหลายสิบนาที นักศึกษาหลายคนเริ่มกระสับกระส่าย หันไปคุยกันเสียงดังมากขึ้น จนพ่อบ้านผิวหมึกต้องขึงตาวาวเข้าใส่จึงได้เงียบเสียงลง

     บิ๊กลุกขึ้น บอกเพื่อนๆ ว่าจะเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็เดินดุ่มๆ ออกไป สักชั่วลัดนิ้วมือไฟในหอประชุมก็ดับพรึ่บลงมีเสียงฮือฮาลั่นฮอลล์จนพ่อบ้านต้องสั่งปิดประชุมอย่างอารมณ์เสียแล้วเร่งนักศึกษาให้รีบกลับเข้าหอพัก ตะวัน โป้ง แม็กและจ๋อมเดินออกมาเจอบิ๊กยืนยิ้มยิงฟันอยู่ตรงประตูเข้า-ออกของหอประชุม ด้วยความสงสัยตะวันจึงเอ่ยขึ้น

เองบ้ารึเปล่า ยืนยิ้มอยู่คนเดียว”

ไอ้คนที่บ้าอ่ะ ยืนตีโพยตีพายอยู่บนนู๊นน...” บิ๊กทำปากจู๋บุ้ยใบ้ไปทางพ่อบ้านที่กระฟัดกระเฟียดกับนักศึกษาฝ่ายควบคุมแสง สี เสียง อยู่บนเวที เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นต่างหัวร่องอหาย

ที่ข้ายิ้มอ่ะ ก็แค่สะใจเท่านั้นเอง”

สะใจเรื่องอะไรวะ” แม็กโพล่งขึ้นพร้อมแววตาสงสัยของเพื่อนๆ

ข้าแอบย่องไปตัดสายไฟที่ต่อจากหม้อแปลงก็แค่นั้น”

ทุกคนตะลึงงันกับคำสารภาพที่ไม่สะทกสะท้านของหนุ่มฮิพฮอพรายนี้ ไม่นึกว่ามันจะกล้าบ้าบิ่นเอาชีวิตไปเสี่ยงตัดสายไฟเพียงเพราะอยากกลับไปนอนตีพุงฟังเพลง Mosh ในอัลบั้มล่าสุดประจำปี ๒๕๔๗ ของ Eminem ที่วิพากษ์วิจารณ์ จอร์จ ดับเบิล ยู บุช จนหาทางกลับบ้านไม่ถูก งานนี้พ่อบ้านผิวหมึกเจอฤทธิ์เดชสาวกฮิพฮอพ เล่นงาน เข้าเสียแล้ว




2 comments:

  1. เรื่องจริงผ่านตัวหนังสือ ^^

    ReplyDelete
  2. ใช่ครับ confirm เลย นศ. ที่นี่ มีดีกว่าที่คุณๆ คิด หุหุ

    ReplyDelete