Saturday, February 19, 2011

วัยฝัน วันวาน และรักของเรา บทที่ 5


-บทที่ 5-

ตอน: 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งวิทยาลัยกลางหุบเขา


"โลกใบนี้เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ ถ้าไม่ออกเดินทางก็ไม่มีวันค้นพบ"



เด็กสาวตาเล็กหยิบหยีบนเวทีของโบสถ์หลังใหญ่กำลังพรมนิ้วลงบนคีย์เปียโนบรรเลงบทเพลงคลาสสิคของคีตกวีเอก Johann Pachelbel อย่างชำนาญ เสียงเปียโนนุ่มลึกสะกดทุกโสตประสาทของผู้ฟังให้สงบนิ่งตกอยู่ในภวังค์ทั่วทั้งโบสถ์ ใกล้กับเด็กสาวขาวหมวยคนนั้นคือเหล่าคณาจารย์ในชุดครุยหลากสีพร้อมหมวกวิทยฐานะนั่งเรียงเป็นแถวยาวอยู่บนเก้าอี้บุนวม ต่างคลี่ยิ้มบางๆ บนใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความเป็นมิตรและอบอุ่นซาบซ่านใจ ด้านล่างของเวทีคือกลุ่มนักศึกษาทุกชั้นปีสวมชุดยูนิฟอร์มใหม่เอี่ยมเรี่ยมเร้กำลังเพลิดเพลินกับเสียงหวานละมุนของเปียโนอยู่บนม้านั่งยาวเต็มฮอลล์ และตรงชั้นสองของโบสถ์ซึ้งโค้งเว้าคล้ายรูปพระจันทร์เสี้ยวปรากฏนักศึกษาและพนักงานอีกกลุ่มหนึ่งนั่งนิ่งตะลึงงันต่อเสียงกังวานของดนตรีที่นุ่มลึกบาดใจ

ตะวัน บิ๊ก โป้ง แม็ก และจ๋อม นั่งอยู่แถวกลางของโบสถ์ด้วยอาการสงบนิ่ง ไม่มีเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบระหว่างกันเหมือนที่ผ่านมา ทุกสายตาเพ่งมองไปที่เด็กสาวที่กำลังบรรเลงเสียงเปียโนได้ถึงเนื้อถึงหนัง ต่างดื่มด่ำเสียงเพลงอันชวนฝันเคลิบเคลิ้ม เอิบอาบซาบซ่านภายใต้บรรยากาศอันแสนสุดโรแมนติกในหัวใจ

สิ่งมหัศจรรย์ที่ 1: 'มะพร้าวไม่แก่เกินแกงฉันใด ก็ไม่มีใครแก่เกินเรียนฉันนั้น'

ราวเดือนสิงหาคมที่เม็ดฝนยังคงโปรยปรายฉ่ำชื่น พิธีต้อนรับนักศึกษากลับคืนสู่วิทยาลัยก็ถูกจัดขึ้นที่โบสถ์หลังใหญ่บนเนินเขาแห่งนี้ ในยามที่ตะวันลอยดวงขึ้นมาตั้งฉากราวสี่สิบห้าองศาทางทิศตะวันออก แล้วเปล่งแสงอ่อนละมุนทะลุลอดกลีบเมฆลงมาเต็มพื้นที่ราว 660 ไร่ของวิทยาลัยกลางหุบเขา นักศึกษาทุกชั้นปีต่างทยอยเดินขึ้นสู่โบสถ์อย่างตื่นเต้นระทึกใจ พอก้าวเท้าเข้าสู่โบสถ์ต่างรีบจับจองที่นั่งกันจ้าละหวั่น สักชั่ววิ่งเข้าห้องน้ำแล้วรีบกลับมานั่งที่เดิม เหล่าคณาจารย์ในชุดครุยรุ่มร่ามพากันเดินขึ้นสู่เวทีแล้วเข้าประจำที่นั่งของตัวเองอย่างพร้อมเพรียงสวยงาม จากนั้นเด็กสาวตาเล็กเรียวหยิบหยีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าเปียโนสีขาวหลังใหญ่ก็เริ่มบรรเลงบทเพลงคลาสสิคของ Johann Pachelbel พริ้วไหวกังวานไปทั่วทั้งโบสถ์จนทำให้ใครหลายคนตกอยู่ในภวังค์เคลิ้มฝัน

เมื่อเพลงบรรเลงเปียโนจบลง เสียงปรบมือเกรียวกราวก็ดังขึ้น เด็กสาวคนนั้นยืนขึ้นโค้งคำนับอย่างสุภาพเรียบร้อยก่อนก้าวเท้าเดินลงจากเวทีอย่างภาคภูมิใจ จากนั้นพิธีการต้อนรับนักศึกษาก็เริ่มขึ้น ประธานนักศึกษาผิวขาวร่างเล็กท่าทางทะมัดทะแมงเดินขึ้นเวทีด้วยความกระฉับกระเฉงพร้อมล่ามคู่กายผอมกล้องแกล้งลมแทบพัดปลิว ทั้งคู่ตรงไปหยุดยืนอยู่หน้าแท่นโพเดี่ยมที่ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงาม จากนั้นประธานนักศึกษาก็กล่าวรายงานเกี่ยวกับสถิติและข้อมูลต่างๆ ของวิทยาลัยอย่างฉาดฉาน

"ขอต้อนรับเพื่อนนักศึกษาทุกๆ คนกลับสู่บ้านหลังใหญ่ของเราอีกครั้ง บ้านที่เปี่ยมด้วยความอบอุ่น มิตรภาพ และความทรงจำอันแสนหวาน กลับคืนสู่หอพักของเราที่เต็มไปด้วยวีรกรรมต่างๆ ทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา กลับมาลิ้มรสชาติอาหารที่เราจะไม่มีวันลืมเลือนไปจากลิ้นชักความทรงจำ และหวนมาสัมผัสห้องเรียนของเรา คณะของเรา อาจารย์ของเรา และเพื่อนๆ ของเรา ภายใต้ร่มเงาของต้นสุพรรณิการ์และเสื้อสีเดียวกัน พวกเราคือพี่น้องร่วมสถาบันเหลือง – น้ำเงิน ที่จะผูกพันกันเรื่อยไป..."

พอประธานนักศึกษาเอ่ยมาถึงตรงนี้ บิ๊กก็พึมพำแทรกขึ้นว่า

"ฟังดูช่างยิ่งใหญ่แทบน้ำตาไหล"

ตะวัน โป้ง แม็ก และจ๋อม ได้ยินดังนั้นต่างหันขวับมาจ้องหน้าหนุ่มเจ้าเนื้อที่นั่งอยู่ตรงกลาง จนเจ้าของใบหน้าอวบอูมดวงนั้นเผยยิ้มเจื่อนๆ ออกมาแล้วแสร้งเสหันมองไปทางอื่นเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"...ในภาคเรียนนี้ เรามีนักศึกษาเพิ่มขึ้นและมาจาก 40 ประเทศทั่วโลก..."

"ว้าว!" หลายคนในโบสถ์อุทานขึ้นพร้อมกัน

"จากสถิติของวิทยาลัยพบว่านักศึกษาที่มีอายุน้อยสุดคือ 17 ปีและอายุมากสุดคือ 57 ปี ..."

"โอ้แม่เจ้า!" ทีนี้เสียงฮือฮาดังยิ่งขึ้นราวกับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้ปรากฏขึ้นมาอยู่เบื้องหน้า หลายคนต่างหันไปหาคนรอบข้างแล้วกล่าววิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักหน่วง ต่างคนต่างคาดเดากันไปว่านักศึกษาที่อายุน้อยสุดและมากสุดนั้นน่าจะเป็นคนนั้นคนนี้ บางคนมาแนวปรัชญาชีวิตเอ่ยเพียงประโยคสั้นๆ ว่า 'มะพร้าวไม่แก่เกินแกงฉันใด ก็ไม่มีใครแก่เกินเรียนฉันนั้น' เท่านั้นเองหลายวงสนทนาเป็นต้องจบลงเร็วกว่าที่คาดคิด

ประธานร่างเล็กกล่าวต่อไปด้วยภาษาอังกฤษเร็วปรื๋อ

"เรามีนักศึกษาหญิงราว 60% ของนักศึกษาทั้งหมดและนักศึกษาชายประมาณ 40% นั่นหมายถึงนักศึกษาชาย…"

เขาหยุดเว้นวรรคแล้วกราดสายตาไปทั่วโบสถ์

"… พวกคุณมีโอกาสเลือกคู่มากขึ้นครับ"

เสียงหัวเราะครึกครื้นดังลั่นไปทั้งฮอลล์เมื่อประธานนักศึกษาสุดเซี้ยวกล่าวสรุปสถิติทั้งหมดพร้อมตบท้ายด้วยมุขตลกร้ายโดนใจพวกหนุ่มๆ จนต้องปรบมือกันเกรียวด้วยความชอบอกชอบใจ

อย่างนี้ต้องหาสาวหมวยสวยเซ็กซี่สักคนมาเดินเคียงข้างแล้ว โป้งเอ่ยขึ้นแบบทีเล่นทีจริง จ๋อมได้ยินดังนั้นก็แขวะขึ้นว่า

แหม...นายโป้ง เดี๋ยวนี้แกก็ใช่ย่อยนะ ตั้งแต่เกาลงเกาหลีอินเทรนด์ขึ้นมาเนี่ยไม่ธรรมดงธรรมดาจริงๆ

โถ่...เป็นผู้ชายมันก็ต้องมีบ้าง ไม่งั้นสาวๆ ทั้งวิลัยก็จะมองเราว่าเป็นเกย์เป็นตุ๊ดไปหมด

ใครจะเหมือนมนัญญาล่ะ ปาเข้าไปปีสองแล้ว ยังไม่มีหนุ่มไหนกล้าเข้ามาจีบเลย

แม็กกระเซ้าเพื่อนสนิทเฉกเช่นทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ทำให้เด็กสาวตวัดหน้าเขียวปัดมองเขาด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านแต่พยายามระงับอารมณ์ข่มความรู้สึกของตัวเองไว้แล้วกล่าวกระทบกระเทียบเสียดสีกลับไปว่า

ไม่มีใครมาจีบยังดีกว่าไปจีบคนอื่นแล้วเค้าเมินหน้าหนี เชอะ!” พูดจบเด็กสาวนัยน์ตาเล็กหยิบหยีก็ลอยหน้าลอยตาและแลบลิ้นใส่คู่กัดสุดซ่าส์จนเด็กหนุ่มต้องอมยิ้มพลางส่ายหัวด็อกแด็กเลิกต่อล้อต่อคำ ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ปล่อยเสียงหัวเราะพรืดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อเห็นท่าทางขำขันของทั้งคู่

สิ่งมหัศจรรย์ที่ 2: ‘กุหลาบแม้นถูกเรียกเป็นอย่างอื่น ยังหอมระรื่นอยู่คงมั่น

หลังจากประธานนักศึกษากล่าวรายงานเกี่ยวกับสถิติและข้อมูลที่สำคัญของวิทยาลัยจบลง อธิการบดีฯ ผู้ร่ำรวยอารมณ์ขันก็กล่าวต้อนรับนักศึกษาอย่างเป็นกันเอง ตามด้วยการร้องเพลงประสานเสียงของคณะนักร้องกลุ่มหนึ่งซึ่งเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมได้ไม่แพ้การเดี่ยวเปียโนของสาวหมวยสวยสะอาง และปิดท้ายรายการด้วยการเปล่งเสียงร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าอย่างพร้อมเพรียงกันของเหล่าคณาจารย์และนักศึกษาทุกคน

เมื่อพิธีการต้อนรับนักศึกษาจบลงก็เป็นเวลาใกล้เที่ยง นักศึกษาต่างทยอยเดินเข้าสู่โรงอาหารส่งเสียงดังอึงมี่ แล้วเข้าแถวต่อคิวกันยาวเฟื้อยจนหางแถวเลยออกไปนอกประตูทางเข้าโรงอาหาร ตะวัน บิ๊ก โป้ง แม็ก และจ๋อมเห็นเข้าดังนั้นจึงถอดใจเดินเลี่ยงออกไปยังศาลาทรงไทยที่อยู่ไม่ไกลจากโรงอาหารมากนักและข้างศาลาอันแสนร่มรื่นแห่งนั้นก็มีสระน้ำล้อมรอบเป็นวิมานให้ฝูงปลาได้แหวกว่ายไปมาอยู่ไหวๆ ส่วนดอกไม้ใบบัวที่โผล่พ้นผิวน้ำต่างชูช่ออวดโฉมจนเหล่าแมลงทั้งหลายต้องมาติดกับมากมาย

ศาลาทรงไทยแห่งนี้ฉลุเชิงชายโดยรอบสวยงามไม่น้อยและตรงที่นั่งทั้งสองด้านนั้นเป็นไม้ระแนงสีน้ำตาลอ่อนตีเว้นช่องโปร่งน่านั่งน่านอนยิ่งนัก ตะวันและผองเพื่อนจับกลุ่มคุยกันอยู่ตรงศาลาทรงไทยเพื่อรอให้ผู้คนในโรงอาหารว่างเว้นลงมากกว่านี้ โป้งเอ่ยขึ้นว่านักศึกษาที่มีอายุมากสุดนั้นเขารู้จักดีเพราะเคยนั่งพูดคุยอยู่ด้วยหลายครั้งในวิชา Human Quest II ที่ทั้งสองลงเรียนด้วยกันในเทอมนี้

ลุงแกชื่อ อะลูอิเน่ ดามาละ บูก่า มาจากทวีปแอฟริกา

คนอะไรว่ะ ชื่อแปลกแหวกแนวแม็กอดที่จะพูดแทรกขึ้นมาไม่ได้

มันคงไม่แปลกสำหรับคนแอฟริกันอย่างเค้าหรอกน่ะ จ๋อมหันมาเชิดหน้าใส่คู่กัดจอมก๊วนส่วนเด็กหนุ่มเมื่อเห็นดังนั้นก็เบะปากทำท่าล้อเลียน

ในวิลัยเราก็มีชื่อแปลกแหวกแนวอยู่ถมถืนไป บิ๊กเอ่ยเสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงลึกใหญ่และต้องการตัดความรำคาญจาก คู่กัดแห่งปี

ใครวะ ตะวันโพล่งถามขึ้น

ชื่อแปลกสุดเท่าที่ข้าเคยพบในวิลัยของเราคือคนที่ชื่อ River Nile และ New Temple คนอะไรชื่อแม่น้ำไนล์กับชื่อวัดใหม่

พอคนร่างใหญ่พูดจบ ทั้งหมดก็ปล่อยเสียงหัวเราะพรืดออกมาพร้อมกันอย่างกลั้นไม่อยู่จนนักศึกษาที่เดินผ่านไปมาต่างหันมามองด้วยความสนใจ

ชื่อภาษาอังกฤษของเค้าฟังดีอยู่แล้ว เองไม่น่าทะลึ่งไม่แปลเป็นภาษาไทยให้เสียหายเลยว่ะ

ตะวันมิวายเอ่ยตำหนิคนพูดที่ทำตัวเป็นฤาษีแปลงสารจนทำให้ชื่อของเพื่อนนักศึกษาสองคนนั้นฟังดูขบขันจนหมิ่นเหม่กลายเป็นการล้อเลียนผู้อื่น

คบคนอย่าคบเพียงชื่อ แต่ให้คบกันที่จิตใจ คนโบราณพูดเสมอว่า กุหลาบแม้นเรียกเป็นอย่างอื่นก็หอมรื่นอยู่เหมือนกัน คนดีศรีแผ่นดินถึงชื่อจะฟังดูไม่ไพเราะก็ยังมีคนรักและศรัทธาอยู่เสมอ

โป้งเอ่ยทะลุกลางปล้องขึ้นมา จนผองเพื่อนพร้อมกันยกมือท่วมหัวอนุโมทนาสาธุราวกับซาบซึ้งในรสพระธรรมอันแรงกล้า แล้วพากันลุกพรวดขึ้นออกเดินไปยังโรงอาหารทันที


2 comments:

  1. ตอนนี้ยังไม่จบนะครับ ยังมีอีกยาวมาก แต่อยากให้เพื่อนๆ ได้ลองอ่านดูก่อนแล้วผมจะทยอยมาโพสท์ต่อไปเรื่อยๆ นะครับ อย่าลืมติดตามและส่ง share ผ่าน facebook ไปให้เพื่อนๆ ด้วยนะครับ

    ReplyDelete
  2. ยอดเยี่ยมค่ะ ^^

    ReplyDelete