Saturday, September 7, 2013

บทที่ 5: 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งวิทยาลัยกลางหุบเขา ตอน:ผู้นำจิตวิญญาณ ผู้สร้างตำนานรักแห่งปี

      ในโรงอาหารที่เสียงดังอึงอลราวนกกระจอกแตกรังของเที่ยงวันหนึ่ง ดูเหมือนเป็นภาพปกติเฉกเช่นทุกวัน นักศึกษายืนเข้าแถวซื้ออาหารเป็นพรวนยาวทะลุประตูทางเข้าไปจนถึงโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นฉำฉา, แม่ครัววุ่นหน้าเป็นมันอยู่ในช่องจำหน่ายอาหาร, แคชเชียร์ผู้มีความจำเป็นเลิศนั่งกดแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ป้อนรหัสนักศึกษาเข้าโปรแกรมอย่างแคล่วคล่องว่องไว มิพักต้องร้องขอใครคนใดคนหนึ่งที่ยืนถือถาดอาหารอยู่ตรงหน้าแสดงบัตรประจำตัวนักศึกษาแต่อย่างใดสมเป็นอัจฉริยะนักจำผู้สร้างตำนานหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของวิทยาลัยแห่งนี้เลยทีเดียว


ตะวันและผองเพื่อนยืนปะปนอยู่ในแถว พูดคุยหยอกล้อสนุกสนาน บิ๊กเอ่ยขึ้นกับแม็กว่า


เชื่อมั๊ยเราสามารถเห็นอนาคตได้­ทุกคน


แม็กที่เงียบอยู่ก็หันมามองหน้าหนุ่มพ่วงพีแล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่ไว้ใจ เพราะเพื่อนคนนี้จัดเป็นพวกตลกร้ายที่ต้องระวัง


นี่กะจะเล่นมุกอะไรอีก”


จริงๆ...ไม่เชื่อนายก็ลองหลับตาดิ


เพื่อนๆ ต่างมองมาที่แม็กแล้วพยักหน้าคะยั้นคะยอขอให้ทำตาม


เอาก็เอา...หลับตาแล้วไงต่อ”


บิ๊กได้ทีขยักยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยถามว่า


เห็นมืดๆ ใช่ปะ”


อึม”


นั่นละอนาคตนาย”


“…”


พอบิ๊กพูดจบทุกคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมกันจนใครหลายคนที่ยืนร่วมแถวต่างหันมามอง เสียงหัวเราะจึงหยุดลง ส่วนแม็กที่เสียรู้ก็ตัดพ้อต่อว่าไปตามประสาแง่งอน


เป็นอะไรไปวะ...เห็นนายเงียบๆ วันนี้” ตะวันเอ่ยถามเพื่อนรักที่ดูเงื่องหงอยผิดปกติกว่าทุกวัน


นั่นสิ เมื่อเช้า ‘อึ’ ไม่ออกหรืองัยว่ะ” โป้งแซวขึ้นเรียกอารมณ์ขันไม่น้อย


ไอ้บ้า...”


เออ...วันนี้แกดูเงียบๆ ไปนะ มีอะไรหรือเปล่า” ยัยจ๋อม รุกเอาบ้าง


เปล่า...” หนุ่มร่างใหญ่พยายามปิดบังซ่อนเร้นแล้วเสมองไปทางอื่น


แต่สายตาของเองมันกำลังปฏิเสธข้าอยู่นะ...” บิ๊กบีบเสียงให้เล็กเหมือนเจ้าปีศาจในหนังแปลงร่างญี่ปุ่น ไม่มีเสียงตอบจากหนุ่มคล้ำตรงหน้าและเป็นจังหวะถึงคิวตักอาหารพอดี เพื่อนๆ จึงหยุดซักไซ้ไล่ความ หยิบถาดตรงหน้าแล้วเดินเลือกอาหารทันควาน

    
    ในปีการศึกษา ๒๕๔๙ มีนักศึกษาต่างชาติมาเรียนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนไม่น้อย เหมือนเป็นธรรมเนียมของหนุ่มๆ นักศึกษาที่จะสอดส่องมองหาเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มแล้วต่างรีบรุกไล่จีบเจ้าหล่อนก่อนมีคู่แข่งเสมอ ในปีนั้นมีเด็กสาวสูงโปร่งหน้าหมวยคนหนึ่งซึ่งถูกจับจ้องเป็นพิเศษเพราะนอกเหนือจากความน่ารักของเธอที่เย้ายวน มันชวนให้หนุ่มหลายคนใจแตก แล้ว เด็กสาวคนนั้นยังเป็นนักเปียโนฝีมือฉกาจที่หาตัวจับยากคนหนึ่งของวิทยาลัยแห่งนี้เลยทีเดียว แม็ก ถือเป็นนักศึกษากิจกรรมดีคนหนึ่ง ชอบช่วยเหลืองานของสโมสรนักศึกษาอยู่สม่ำเสมอ อีกทั้งเป็นนักดนตรีประจำโบสถ์ของวิทยาลัยอีกด้วย และเมื่อหนุ่มกำยำอย่างนักกีฬาว่ายน้ำได้ไกล้ชิดกับสาวเปียโนหน้าตาพริ้งเพราจากการร่วมฝึกเล่นเปียโนด้วยกันในค่ำคืนหนึ่งก่อนวันสะบาโต นั่นแหละเป็นสาเหตุของความว้าวุ่นในใจของเด็กหนุ่มคนนี้...


เดี๋ยวข้ากลับห้องก่อนนะ” แม็กเอ่ยขึ้นบนโต๊ะอาหารที่แวดล้อมด้วยเพื่อนๆ ต่างก้มหน้าก้มตาทานข้าวกันด้วยความหิวโหย


เฮ้ย! เองทานนิดเดียว อิ่มแล้วเหรอวะ” โป้งขมวดคิ้วเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นข้าวในจานของเพื่อนยังไม่พร่องเลยสักนิด


ข้าไม่หิววะ...ขอตัวก่อนแล้วกัน” พูดจบแม็กก็รวบจานใส่ถาดแล้วลุกพรวดเดินถือถาดไปวางหน้าห้องล้างจานก่อนพนักงานจะหยิบถาดกองใหญ่ที่นักศึกษามาวางทับกันไว้ไปล้างด้วยความกระฉับกระเฉง


แม็กมันเป็นอะไร?” ตะวันเอ่ยถามเพื่อนๆ ที่มองตามเจ้าคนตัวใหญ่เดินออกไปจากโรงอาหาร


สงสัยจะอกหัก” โป้งซึ่งเป็นรูมเมทของแม็กพูดขึ้นลอยๆ เหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนรักเป็นอย่างดี เพื่อนๆ ในกลุ่มได้ยินดังนั้นจึงรุมถามกันใหญ่ โป้งหันหน้าไปมองแต่ละคนด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดที่ตัวเองรับรู้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ


สายวันหนึ่งของวันสะบาโต ไอ้แม็กเอ่ยปรับทุกข์กับข้าด้วยคำถามแปลกๆ มันถามว่า ‘จริงมั้ยที่ท่าน ว. วชิรเมธี กล่าวว่า ที่ใดมีกอด ที่นั่นมีกัด’ ข้าถามพวกเองหน่อย ถ้าใครสักคนในกลุ่มเอ่ยถามแปลกๆ เช่นนั้น พวกเองคงหน้าเหวอไปต่อไม่ถูกแน่นอน…”


ก็แหงหละ...มีแต่คนบ้าที่ถามอย่างนั้น” บิ๊กแทรกขึ้นทั้งที่ปากยังเคี้ยวขนมหยับๆ ทุกคนในกลุ่มหันขวับมาจ้องมัน เจ้าหนุ่มหุ่นตุ๊ต๊ะตกใจถึงกับหยุดเคี้ยวขนม แล้วทุกสายตาก็หันกลับไปยังคนเล่าเรื่องอีกครั้ง


ข้าไม่เข้าใจที่มันพูด ก็เลยขอให้มันอธิบาย มันบอกว่า ทุกๆ การครอบครอง มีค่าเท่ากับการขาดอิสรภาพ ทุกครั้งที่เราครอบครองสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราก็ตกเป็นทาสของสิ่งเหล่านั้นไปแล้ว เออวะ...มันไปติสต์แตกตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพูดแปลกๆ จนข้าชักรำคาญเลยตะคอกไปว่า ‘ถ้าแกยังขืนพูดพิกลอย่างนี้อีก ข้าจะเตะปากให้เลือดกลบเชียว...’


คนนั่งฟังต่างปล่อยพรืดหัวเราะออกมาเบาๆ ในความขำขันของเพื่อนรักคู่นี้ที่มักจะพูดจาหยอกเย้ากันเป็นปกติวิสัย


นี่แกก็เข้าเรื่องได้แล้ว อารัมภบทมาเสียยึดเชียว” ยัยจ๋อม แทรกขึ้นเมื่อเห็นคนเล่าชักจะออกทะเลไปไกล


ไอ้แม็กไปแอบชอบเด็กใหม่คนหนึ่ง เห็นเขาดูเฟรนด์ลี่ก็ทึกทักไปเองว่ามีใจให้”


ก็นั่นหละ...ตัวตนของเพื่อนเรา ชอบคิดไปเองตลอด” ยัยจ๋อม มิวายต้องแสดงความคิดเห็นขึ้นแทรก


เป็นที่รับรู้ในกลุ่มเพื่อนฝูงนับแต่รวมกลุ่มตั้งแก๊งค์ ‘มนุษย์อิ้ง’ ขึ้นมาแล้วว่า เจ้าคนหุ่นกำยำอย่างนักกีฬาว่ายน้ำคนนี้มีโลกเป็นสีชมพู มีประตูหัวใจเป็นลิฟท์ ที่พร้อมเปิดอ้ารับผู้หญิง (หน้าตาดี) ทุกคนที่ชิดใกล้เข้ามาในห้องหัวใจเสมอ จะว่าไปก็อาจเรียกแม็กเป็นหนุ่มสุดเซี้ยวคาสโนว่าตัวพ่อก็ได้แต่บทท้ายของเรื่องก็มักจะเป็นคาสโนว่าที่ตกม้าตายทุกทีเพราะหัวใจง่ายๆ ของเด็กหนุ่มคนนี้มักลงเอยด้วยการถูกปฏิเสธจากคนที่แอบชอบอยู่เสมอจนกลายเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจสำหรับเพื่อนๆ ไม่น้อย


ก็น่าสงสารมันนะ” ตะวันพูดขึ้นเบาๆ


ผู้หญิงที่ว่าเป็นใครวะ” บิ๊กสงสัยขึ้นทันที


ก็นักเปียโนสาวประจำโบสถ์คนใหม่ไงละ” โป้งตอบทันควัน


เฮ้ย!” ทุกคนอุทานขึ้นพร้อมกันด้วยความตกใจ


นั่นมันดอกฟ้าเชียวนะ” บิ๊กเปรียบเทียบ


เออ...ก็เพราะว่าเป็นดอกฟ้าไงเพื่อนเราถึงร้องเอ๋งๆ” ทุกคนหันมามองหน้าโป้งแล้วจ๋อมก็พูดขึ้นว่า “นี่แกไม่ได้เปรียบเจ้าแม็กเป็นหมาวัดนะ”


จะบ้าเหรอ...เรากำลังจะบอกว่าก็เพราะเพื่อนเราไปแอบชอบดาววิทยาลัยก็เลยต้องปวดใจอย่างนี้” พูดจบโป้งก็กลอกตาไปมาด้วยความกะล่อน


เมื่อเพื่อนๆ ในกลุ่มรับรู้ถึงเรื่องดังกล่าวต่างสรุปอาการซึมเศร้าของแม็กที่ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับว่ามีสาเหตุมาจากเด็กสาวสูงโปร่งหน้าหมวยคนนั้นแต่เพื่อให้แน่ใจว่าสมมุติฐานดังกล่าวนั้นถูกต้อง ทุกคนจึงนัดหมายกันว่าเย็นนี้จะต้องถามไถ่เอาความกับแม็กให้รู้ชัดกันไปเลยว่าสาเหตุแห่งทุกข์นั้นเป็นเพราะอะไร และเมื่อตะวันลับเหลี่ยมภูเขาและนมัสการของค่ำคืนวันศุกร์* เสร็จสิ้นเรียบร้อย ทุกคนจึงพร้อมใจกันชวนแม็กไปทานข้าวที่ร้านพี่หน่อย (ที่มักปิดท้ายด้วยเบียร์เสมอ) และถือโอกาสนั้นสอบถามถึงเรื่องราวที่ทำให้เพื่อนรักทุกข์ใจทันที


เมื่อถูกต้อนจนมุม แม็กจำใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาและทุกอย่างก็เป็นไปตามข้อสงสัยของเพื่อนๆ


ข้าชอบเค้า...ก็เลยตัดสินใจบอกความในใจออกไป” แม็กเอ่ยขึ้นอย่างไม่ปิดบังซ่อนเร้น


แต่มันเป็นแค่ความคิด...ความคิดที่เข้าข้างตัวเอง เขาแค่รู้สึกดีไม่ใช่รัก ถึงทำดีแค่ไหนเขาก็เฉยๆ” น้ำเสียงนั้นเริ่มสั่นเครือเล็กน้อย ตะวันยกมือขึ้นตบไหล่เพื่อนเบาๆ พลางเอ่ยว่า


ความรักไม่ใช่ความดี ทำดีแค่ไหน เขาก็มองข้าม, ใส่ใจแค่ไหน เขาก็มองไม่เห็น เพราะความรักคือความรู้สึก รักคือรัก ชอบคือชอบ ไม่รักก็คือไม่รัก”


แม็กแหงนมองหน้าตะวัน เขาไม่แปลกใจนักที่เพื่อนคนนี้จะมีคำคมแทงใจเขาอยู่เสมอ เขาคลี่ยิ้มบนใบหน้าแล้วยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวราวกับจะให้น้ำสีเข้มบาดคอละลายความทุกข์ในใจเสียหมดสิ้น เพื่อนๆ เห็นดังนั้น ต่างยกแก้วขึ้นดื่มบ้างพลางแสดงความเห็นอกเห็นใจพูดปลอบประโลมต่างๆ นานา แต่ใครคนหนึ่งครุ่นคิดขึ้นว่าถ้าจะให้เพื่อนรักสมหวังกับความรักครั้งนี้คงต้องพึ่งตัวช่วยเป็นแกนกลางสอดประสานให้คนทั้งสองรวมเข้าเป็นวงเดียวกันและในค่ำคืนนั้นเขาก็ค้นพบคำตอบและรุ่งเช้าก็หาโอกาสที่แม็กไม่อยู่นำความไปปรึกษากับเพื่อนๆ ที่เหลือทันที


เฮ้ย...วิ’ลัยเรามีผู้นำทางด้านจิตวิญญาณเป็นคณะกรรมการนักศึกษาด้วยหรือวะ” ทุกคนในกลุ่มต่างประหลาดใจที่รู้ว่ามีตำแหน่งนี้ในคณะกรรมการนักศึกษาด้วย


แน่นอน...มหา’ลัยอื่นเค้ามีประธาน รองประธาน เลขา เหรัญญิก ฯลฯ แต่ที่นี่ เรามีผู้นำทางด้านจิตวิญญาณเป็นหนึ่งในคณะกรรมการนักศึกษาด้วย...นี่แหละคือสิ่งมหัศจรรย์ที่จะช่วยเพื่อนเราให้สมหวังกับความรักครั้งนี้” คนนำความมาปรึกษาระบายยิ้มบางๆ บนใบหน้าด้วยความเคลิ้มฝัน


แล้วใครวะเป็นผู้นำจิตวิญญาณของเรา” ใครคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น


ก็ลุง อะลูอิเน่ ดามาละ บูก่า ไง”


พอชื่อนั้นถูกเอ่ยขึ้น ความเงียบก็แทรกเข้ามาทันที ต่างคนต่างไม่แน่ใจว่าลุง อะลูอิเน่ ดามาละ บูก่า ผู้ที่ถูกบันทึกไว้ในสถิติของปีการศึกษา ๒๕๔๙ ว่าเป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่มีอายุมากที่สุดของวิทยาลัยแห่งนี้จะสามารถเป็นแกนกลางคอยสอดประสานให้หนุ่มสาวคู่นี้ลงเอยเป็นคู่รักกันได้ แต่เมื่อเพื่อนๆ ฟังแผนการณ์ของเจ้าของความคิดนี้แล้วต่างก็พอเห็นความเป็นไปได้อยู่ไม่น้อย


ในที่สุดต่างก็ตกลงพากันไปหาผู้นำทางด้านจิตวิญญาณในบ่ายวันนั้นทันที


     เวลานั้น ท้องฟ้าขมุกขมัว เมฆทะมึนลอยตัวจับกลุ่มกันเป็นก้อนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ลมโบกพัดแรงขึ้นโยกกิ่งไม้โอนเอนหวิดหวิว นักศึกษาหลายคนรีบวิ่งไปเก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้ตรงลานด้านหลังของหอพัก, รถรับ-ส่งนักศึกษาที่ไปออกสาขาในวันสะบาโต* เริ่มทะยอยกลับเข้าสู่วิทยาลัย บางคนแบกกีตาร์ บางคนถือสมุด-หนังสือเดินลงจากรถแล้วแยกย้ายกันไปตามหอพักของตัวเองบ้าง เดินเข้าโรงอาหารบ้าง ส่วนกลุ่มของตะวันรีบเดินดุ่มๆ ไปยังบ้านพักของนักศึกษาที่มีครอบครัวแล้วซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาด้านหลังของหอพักนักศึกษาทั่วไปและไม่ไกลจากโบสถ์มากนัก จุดมุ่งหมายอยู่ที่บ้านของลุง อะลูอิเน่ ดามาละ บูก่า ผู้ที่เป็นความหวังสูงสุดของภารกิจนี้

เมื่อมาถึงบ้านหลังหนึ่งซึ่งตั้งโดดเดี่ยวแยกออกมาจากบ้านพักหลังอื่นๆ มีต้นไม้สูงและเถาวัลย์รกเรื้อขึ้นอยู่โดยรอบ ตัวบ้านทาด้วยสีขาวแต่ก็เป็นสีขาวที่ผ่านแดดผ่านฝนมานานนับหลายปีจนสีซีดจางและแผ่นปูนก็หลุดล่อนแตกออกเป็นชิ้นๆ ตะวันและเพื่อนๆหยุดยืนอยู่หน้าบ้านหลังเก่าที่ดูขรึมขลังวังเวงน่ากลัว ต่างลังเลที่จะก้าวเท้าเข้าไปภายในบ้านหรือกระทั่งกู่ตะโกนเรียกคนข้างในให้ออกมาหา ขณะที่ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์พรั่นพรึงพลันสายฟ้าก็แลบแปลบปลาบสลับเสียงร้องก้องกึกจนปลุกทั้งหมดสะดุ้งตื่นจากความหวาดหวั่นของบรรยากาศโดยรอบ


ทำไมไม่เดินเข้าไปข้างในบ้านวะ” บิ๊กเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเครือเล็กน้อย


เองก็เดินนำหน้าเข้าไปก่อนดิ” โป้งเปล่งเสียงเบาๆ ราวกับกลัวใครได้ยิน มิทันที่จะมีใครได้พูดต่อก็มีเสียงหนึ่งดังก้องออกมาจากในบ้าน เสียงนั้นราวกับพายุบุแคมที่โหมมาอย่างหนักจนทำให้คนที่ยืนอยู่ด้านนอกสะดุ้งไหวตกใจจนแขนขาแทบไม่กระดิกระเดี้ย
 .....นั่น เสียงใครว้า” บิ๊กกระถดถอยมายืนหลบหลังตะวัน ส่วนคนอื่นๆ ก็ตกอยู่ในอาการหวาดหวั่นเช่นกัน ประตูบ้านค่อยๆ แง้มออกเสียงดังอี้ดอ้าดกรีดหูยิ่งทำให้บรรยากาศโดยรอบน่ากลัวมากขึ้น ความมืดภายในบ้านปิดคลุมใบหน้าเจ้าของเสียงอันทรงพลังนั้นไว้ทำให้มองเห็นไม่ถนัดชัดแจ้ง ท้องฟ้ามืดมิด ลมกรรโชกแรงขึ้น ในที่สุดฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างหนักพร้อมกับการปรากฏกายของคนร่างใหญ่ผิวหมึกในชุดคลุมรุ่มร่ามตามแบบฉบับชาวแอฟริกัน เมื่อกลุ่มของตะวันเห็นดังนั้นต่างถอนใจเฮือกใหญ่พลางปล่อยลมพรูออกจากปากด้วยความโล่งอก


เขานั่นเอง...อะลูอิเน่ ดามาละ บูก่า ผู้นำทางด้านจิตวิญญาณ


รีบเข้ามาในบ้านเร้วๆ ยืนตากฝนหยั่งงี้เดี๋ยวได้หวัดลงคอกันหรอก” ชายสูงวัยเอ่ยขึ้นพลางกวักมือเรียกให้ทุกคนเข้าไปในบ้านด้วยภาษาปะกิตสำเนียงแปร่งปร่า


กลุ่มของตะวันนั่งลงบนเก้าอี้ไม้สักสีเข้ม กวาดสายตามองไปทั่วราวกับจะค้นหาความผิดแปลกบางอย่างภายในบ้านหลังนั้น


ข้าอยู่กับภรรยาและลูกสาวสองคน” ลุงอะลูอิเน่ ดามาละ บูก่า เปรยขึ้นพร้อมกับตะโกนเรียกสมาชิกในบ้านให้ออกมาพบกับแขกหน้าใหม่ สักพักก็ปรากฏหญิงสาวสามคนเดินออกมาจากห้องครัว คนหนึ่งร่างท้วมสวมชุดคลุมยาวถึงหลังเท้าดูมีอายุอานามไม่น้อย ส่วนอีกสองคนนั้นรูปร่างผอมสูงคงจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับกลุ่มของตะวัน จากนั้นผู้นำทางด้านจิตวิญญาณของวิทยาลัยแห่งนี้ก็กล่าวแนะนำภรรยาและลูกๆ ของตัวเองทันที ตะวันและผองเพื่อนต่างเอ่ยทักทายและถามไถ่สาระทุกข์สุกดิบรวบรัดสั้นๆ ก่อนตะวันจะหันมาเอ่ยกับชายสูงวัยที่นั่งอยู่เบื้องหน้าด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน


พวกเราต้องขอโทษท่านด้วย ที่มาพบวันนี้โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า”


ชายผิวเข้มแววตาคมกริบเผยยิ้มบางๆ บนใบหน้าแล้วพูดว่า


ไม่เป็นไร พวกเจ้าอุตส่าห์มาหาข้าถึงบ้านเพียงนี้ข้ากับครอบครัวก็มีความสุขแล้ว เดี๋ยวก็ทานข้าวด้วยกันเลยดีมั้ย”


ขอบคุณครับท่าน แต่ไม่เป็นไรครับ คือ...พวกผมมีเรื่องอยากมาปรึกษาท่านเท่านั้นครับ” ตะวันรีบตัดบทขึ้นทันที


มีเรื่องอะไรละ”


ตะวันหันหน้าไปขอคำปรึกษาจากเพื่อนๆ ว่าจะเริ่มต้นเล่าเรื่องอย่างไรดี ชายสูงวัยที่นั่งเคร่งขรึมอยู่ตรงหน้าสังเกตเห็นสีหน้าแววตาของแต่ละคนมีความกระอึกกระอักใจนิ่งคิดอยู่นานเลยหันไปบอกภรรยาและลูกทั้งสองให้เข้าไปข้างในก่อน แล้วจึงเร่งเร้าให้ใครคนใดคนหนึ่งบอกกล่าวเล่าเรื่องที่ต้องการปรึกษาเร็วไว


ในที่สุด...โป้ง หนุ่มเหน้าเจ้าของความคิดและแผนการณ์ทั้งหมดก็เริ่มต้นสาธยายความให้ท่านผู้นำทางด้านจิตวิญญาณทันที


ฝนเริ่มซาเซา ความฉ่ำชื่นของเม็ดฝนโปรยแผ่ซึมเข้ามาถึงภายในบ้านจนหลายคนสัมผัสถึงความหนาวเย็น ชายสูงวัยชาวแอฟริกันพยักหน้าหงึกๆ หลังจากรับฟังเรื่องราวทั้งหมดจนแจ่มแจ้งและรับปากว่าจะพยายามอย่างที่สุดในการทำหน้าที่เป็นกามเทพให้ความรักของหนุ่มสาวคู่นี้สมหวังดังใจหมาย หลังจากนั้นกลุ่มของตะวันจึงลากลับพร้อมความสงสัยในใจว่าท่านผู้นำทางด้านจิตวิญญาณผู้น่าเลื่อมใสท่านนี้จะสร้างตำนานรักแห่งปีได้อย่างไร
เมื่อล่วงเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ มวกเหล็กก็แผ่คลุมไปด้วยอากาศที่หนาวเย็นบาดเยือกและดอกไม้สีสันสดใสมากมาย ในปีนั้น ดอกทานตะวันเหลืองอร่ามเบ่งบานเต็มท้องทุ่ง สวยงามกว่าทุกๆ ปี กลุ่มของตะวันนิยมขับมอเตอร์ไซด์ออกไปทานโจ๊กที่ตลาดในทุกๆ เช้าของวันเสาร์และอาทิตย์ ระหว่างทางต่างสัมผัสอวลไอหมอกที่ลอยกรุ่นกร่นอยู่โดยรอบ ลมหนาวพัดพลิ้วผ่านมาทีไรกรีดลึกจนถึงกระดูกทุกที


หนึ่งในกิจกรรมที่เป็นสีสันของวิทยาลัยในเดือนกุมภาพันธ์คืองานโอเพ่นเฮ้าส์ซึ่งจัดควบคู่ไปกับงานวาเลนไทน์และในปีนั้นเป็นรอบของหอพักชายในการเปิดบ้านต้อนรับหญิงสาวเข้ามาสัมผัสถึงความเป็นอยู่และความเป็นไปของนักศึกษาชายทั้งหลายอันจะมีบางสิ่งบางอย่างที่เป็นความประทับใจเก็บไว้ในลิ้นชักความทรงจำเมื่อคราต้องลาจากสถาบันเหลือง- น้ำเงินแห่งนี้ไป แน่ล่ะ...เพื่อสร้างความประทับใจอันยิ่งใหญ่ นักศึกษาชายต่างก็คิดหาไอเดียในการแต่งห้องและหอพักของตัวเองให้ดูกิ๊บเก๋โดนใจสาวๆ และคณะกรรมการที่มาตรวจห้องเพื่อลงคะแนนและประกาศผลรางวัลในหอประชุมของค่ำคืนนั้น หากเป็นนักศึกษาต่างชาติก็จะนำเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นของตัวเองมาเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งห้องให้โดดเด่นไม่เหมือนใครและบางคนแต่งห้องได้อย่างพิสดารจนเรียกอารมณ์ขันให้กับผู้พบเห็นได้ไม่น้อย


ในวันนั้น ตะวันกับบิ๊กตื่นแต่เช้าแล้วรีบเร่งทำความสะอาดห้องพร้อมตกแต่งตามสไตล์ของตัวเอง บิ๊กติดโป๊สเตอร์ไอดอลคู่ใจและมีเทป ซีดี ที่สะสมมาตั้งแต่ประถมศึกษาพร้อมชุดแต่งกายของเหล่าสาวกฮิพฮอพจัดเรียงตามยุคสมัยอยู่ฝั่งมุมของตัวเอง ส่วนตะวันนำหนังสือกวี นิยาย และปรัชญาชีวิตของคนหนุ่มสาว ออกมาจัดวางไว้บนโต๊ะให้แขกที่มาเยือนได้หยิบอ่านเป็นแรงบันดาลใจ เขานำโปสการ์ดสีสันสดใสที่สะสมมาตลอดของการเดินทางในแต่ละถิ่นที่ติดประดับไว้ข้างฝามีข้อความโดนใจของเหล่านักคิด นักเขียน อาทิ St. Augustine ที่กล่าวว่า โลกใบนี้เปรียบเหมือนหนังสือเล่มหนึ่ง และคนที่ไม่เคยเดินทางเลย ก็เปรียบเหมือนคนที่อ่านหนังสือเพียงหน้าเดียว


พอถึงช่วงบ่าย คณะกรรมการก็ถือแผ่นรองพร้อมกระดาษที่มีช่องตารางจัดตีไว้อย่างเรียบร้อยพร้อมปากกาคู่ใจเดินเข้ามาภายในหอพัก มีหนุ่มพ่วงพีฝีปากดีซึ่งเป็นนักพูดประจำวิทยาลัยและหนุ่มผอมกล้องแกล้งแต่คล่องแคล่วปราดเปรียวซึ่งเป็นนักแปลคู่หูหนุ่มนักพูดยืนคอยต้อนรับและพาเดินชมไปแต่ละห้อง เมื่อสำรวจตรวจตราจนครบทุกส่วนทุกมุม คณะกรรมการชุดนั้นก็ลากลับไป จากนั้นเหล่านักศึกษาหญิงก็ทยอยเดินเข้ามาในหอพักและมุ่งหมายไปตามห้องของคนสนิท แล้วเวลาแห่งความอลเวงก็ตามมา


ค่ำคืนนั้นบรรยากาศในหอประชุมดูครึกครื้นกว่าทุกๆ วัน ภายหลังการประกาศผลรางวัลเสร็จสิ้น ก็เป็นการแสดงของนักศึกษาของแต่ละหอ แต่รายการที่สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชมมากที่สุดคือการแสดงชุด ‘ประชันเปียโน’ ของหนุ่มกำยำอย่างนักกีฬาว่ายน้ำและเด็กสาวสูงโปร่งหน้าหมวย มีเสียงฮือฮาซุบซิบตลอดการแสดงและแสงแฟลชแวบวาบลั่นมาเป็นสาย เมื่อการประชันเปียโนระหว่างหนุ่มสาวคู่นั้นจบสิ้นลง ทุกคนในหอประชุมต่างยืนขึ้นปรบมือเสียงดังเกรียวกราวราวกับทั้งสองเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่โดดเด่นที่สุดของค่ำคืนนี้ และภายหลังจากงานนั้นก็มีคนสังเกตเห็นดวงดาวทั้งสองควงคู่ออกไปดินเนอร์ด้วยกันเป็นที่อิจฉาตาร้อนของหนุ่มๆ หลายคนและในวันรุ่งขึ้นหนังสือ Newbytes ที่รายงานข่าวคราวความเป็นไปของวิทยาลัยก็ลงรูปทั้งสองเด่นหราในหน้าหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นมีข่าวลือหนาหูไปทั่วแคมปัสว่าเด็กสาวสูงโปร่งหน้าหมวยคนนั้นตกลงปลงใจที่จะคบหากับหนุ่มกำยำอย่างนักกีฬาว่ายน้ำคนนั้นเสียแล้ว ให้ดิ้นตายเหอะ...หนุ่มไทย เขมร อินโดฯ จำนวนไม่น้อยต่างผิดหวังกันระนาว แต่กลุ่มของตะวันกลับมีความสุขกับข่าวนี้และรีบเร่งพากันไปพบท่านผู้นำทางด้านจิตวิญญาณ


ท่านครับ...ท่านทำสำเร็จแล้ว”


ตะวันเอ่ยขึ้นทันทีที่พบหน้ากับผู้สร้างตำนานรักแห่งปีของวิทยาลัยแห่งนี้


หึๆ” ท่านผู้นำฯ หัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ยว่า


แผนของเจ้าโป้งนี่มันเฉียบขาดจริงๆ ข้าแทบไม่ต้องทำอะไรมากมายแค่ให้ทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้น ความใกล้ชิดแปรเปลี่ยนเป็นรักหมดใจ ข้าขอให้ทั้งคู่ช่วยจัดกิจกรรมร่วมกัน เล่นดนตรีที่โบสถ์พร้อมกัน และก็นัดทั้งสองมาทานข้าวที่บ้านด้วยกัน อย่างที่เจ้าแนะนำ...” ชายสูงวัยหันไปพูดกับหนุ่มอินเทรนด์สไตล์เกาหลีที่ยืนยิ้มเผล่อย่างภาคภูมิ


เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามธรรมชาติ นั่นก็คือความรู้สึกที่แฝงอยู่ในตัวมนุษย์โดยไม่ต้องการครูผู้ฝึกสอน มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมา”


ตะวัน บิ๊ก โป้งและจ๋อม ต่างยืนยิ้มฟังผู้นำทางด้านจิตวิญญาณอย่างเคลิบเคลิ้มเหมือนโลกหยุดหมุน


“พวกเราจำไว้ ถ้าอยากได้ความรักจากอีกฝ่ายเราก็ต้องจ่ายด้วยความรักของเราก่อนเสมอ”

---------------------------------------------------------------------------------------------------
1.*ทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ชาวเซเว่นเดย์แอ๊ดเวนตีสจะรวมตัวนมัสการที่โบสถ์เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่วันสะบาโตในวันรุ่งขึ้น (วันเสาร์)
2.*การออกไปทำกิจกรรมอาสาในชุมชนต่างๆ เพื่อเยี่ยมเยียนเพื่อนสมาชิกและแบ่งปันเรื่องพระเยซู คริสต์

อ่านตอนอื่นๆ

1. บทที่ 1: ความทรงจำของตะวัน http://lovestoryoftawan.blogspot.com/2011/01/blog-post_20.html

2. บทที่ 2: โอ้...เจ้าดอกสุพรรณิการ์ (ฉบับปรับปรุง) http://lovestoryoftawan.blogspot.com/2011/01/blog-post_9113.html

3. บทที่ 3: กระเพราไก่กรอบเลิศรส http://lovestoryoftawan.blogspot.com/2011/01/1_20.html 

4. บทที่ 4: ไดอารี่ของตะวัน http://lovestoryoftawan.blogspot.com/2011/01/4.html

5. บทที่ 5: 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งวิทยาลัยกลางหุบเขา (ตอนที่ 1) http://lovestoryoftawan.blogspot.com/2011/02/5.html

6. บทที่ 5: 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งวิทยาลัยกลางหุบเขา (ตอนที่ 2)    http://lovestoryoftawan.blogspot.com/2011/03/blog-post.html

7.  บทที่ 5: 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งวิทยาลัยกลางหุบเขา (ตอนที่ 3) http://lovestoryoftawan.blogspot.com/2012/02/5.html


No comments:

Post a Comment